วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2551

Topology

Topology
การจัดรูปโครงสร้างของอุปกรณ์สื่อสารเพื่อจัดตั้งเป็นระบบเครือข่าย
สามารถกระทำได้หลายแบบดังนี้
1. ระบบเครือข่ายที่แบ่งประเภทโดยพิจารณาจากการจัดโครงสร้างอุปกรณ์เป็นหลัก
เรียกว่า การจัดรูปทรงระบบเครือข่าย (Topology)
ได้แก่ ระบบเครือข่ายแบบดาว แบบบัส และแบบวงแหวน เป็นต้น

2. ระบบเครือข่ายตามขนาดทางกายภาพของระยะทางในการส่งข้อมูลเป็นหลัก
ได้แก่ เครือข่ายเฉพาะบริเวณ (LAN)
เครือข่ายในเขตเมือง (MAN)
เครือข่ายวงกว้าง (WAN)
และเครือข่ายสหภาค (Internetwork)

3. ระบบเครือข่ายที่พิจารณาจากขอบเขตการใช้งานขององค์กร เช่น เครือข่ายอินทราเนต (Intranet)
เครือข่ายเอ็กซ์ทราเนต( Extranet) และเครือข่ายสากล
(Internet)
การจัดรูปทรงระบบเครือข่าย (Topology)วิธีการอธิบายระบบเครือข่ายแบบหนึ่ง
คือการพิจารณาจากรูปทรงของระบบเครือข่าย
คือระบบเครือข่ายแบบดาว แบบบัส และแบบวงแหวน ตามลำดับ

ระบบเครือข่ายแบบดาว (Star Topology)
ประกอบด้วยคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง
เรียกว่า โฮสต์ (Host) หรือ เซิฟเวอร์ (Server)
ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นแลอุปกรณ์ที่เหลือ
ระบบนี้เหมาะกับการประมวลผลที่ศูนย์กลางและส่วนหนึ่งทำการประมวลผลที่เครื่องผู้ใช้
(Client or Work Station) ระบบนี้มีจุดอ่อนอยู่ที่เครื่อง
Host คือ การสื่อสารทั้งหมดจะต้องถูกส่งผ่านเครื่อง Host ระบบจะล้มเหลวทันทีถ้าเครื่อง
Host หยุดทำงาน

เครือข่ายแบบดาว ( star )
ระบบเครือข่ายแบบบัส (Bus Toplogy)เป็นระบบเครือข่ายที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์
และอุปกรณ์ทั้งหมดด้วยสายสื่อสารเพียงเส้นเดียว อาจใช้สายคู่บิดเกลียว สายโคแอกเซียล
หรือสายใยแก้วนำแสงก็ได้ สัญญาณที่ถูกส่งออกมาจากอุปกรณ์ตัวใดก็ตามจะเป็นลักษณะการกระจายข่าว
(Broadcasting) โดยไม่มีอุปกรณ์ตัวใดเป็นตัวควบคุมระบบเลย
แต่อาศัยซอฟท์แวร์ที่ติดตั้งในอุปกรณ์แต่ละตัวทำหน้าที่ควบคุมการสื่อสาร
ในระบบบัสนี้จะมีอุปกรณ์เพียงตัวเดียวที่สามารถส่งสัญญาณออกมา
อุปกรณ์ตัวอื่นที่ต้องการส่งสัญญาณจะต้องหยุดรอจนกว่าในระบบจะ
ไม่มีผู้ใดส่งสัญญาณออกมาจึงจะส่งสัญญาณของตนออกมาได้
ถ้าหากส่งออกมาพร้อมกันจะเกิดปัญหาสัญญาณชนกัน (Collision) ทำให้สัญญาณเกิดความเสียหายใช้การไม่ได้
และระบบนี้จะมีประสิทธิภาพต่ำถ้ามีอุปกรณ์เชื่อมต่อกันเป็นจำนวนมาก

ระบบเครือข่ายแบบวงแหวน (Ring Topology)
ระบบเครือข่ายวงแหวนจะมีลักษณะคล้ายเครือข่ายบัสที่เอาปลายมาต่อกัน
โดยไม่มีอุปกรณ์ใดเป็นตัวควบคุมการสื่อสารของระบบเลย และข้อมูลในวงแหวนจะเดินไปในทิศทางเดียวกันเสมอ


ระบบเครือข่ายตามขนาดทางกายภาพของระยะทางในการส่งข้อมูลระบบเครือข่ายในลักษณะนี้
ได้ให้คำจำกัดความจากตำแหน่งที่ตั้งและขอบเขตวงกว้างของการใช้งาน
ซึ่งแบ่งได้หลายอาณาเขต
1. เครือข่ายเฉพาะบริเวณ (Local Area Networks) หรือเครือข่ายระบบแลน (LAN)
2. เครือข่ายในเขตเมือง (Metropolitan Area Networks) หรือเครือข่ายระบบแมน (MAN)
3. เครือข่ายวงกว้าง (Wide Area Networks) หรือเครือข่ายแวน (WAN)เครือข่ายเฉพาะบริเวณ (LAN)
มีขอบเขตการทำงานแคบ มักอยู่ในอาคาร ออฟฟิศ สำนักงาน
หรือหลายอาคารที่อยู่ติดกัน ไม่เกิน 2,000 ฟุต ระบบ LAN
ได้รับความนิยมมากในการเชื่อมต่ออุปกรณ์สำนักงานเข้าด้วยกัน โดยมีสายนำสัญญาณการสื่อสารที่เป็นของตนเอง
โดยใช้ Topology แบบบัส หรือวงแหวนและมีช่องสื่อสารที่กว้าง เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์สำนักงาน
อุปกรณ์ระบบแสดงผล พิมพ์งาน และการรับส่งข้อมูลข่าวสารในสำนักงานทำงานร่วมกันได้
ถ้าหากการใช้งานในบางจุดของสำนักงานไม่สามารถเดินสายเคเบิลได้
หรือมีข้อจำกัดด้านการติดตั้งและลงทุนเช่น การต่อสาย LAN ข้ามตึก
หรือระหว่างชั้นสำนักงาน ก็สามารถประยุกต์ใช้ระบบ LAN ไร้สาย ตามที่กล่าวไปแล้วได้
มักมีเครื่องคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่งทำหน้าที่เป็น Host หรือ เซิฟเวอร์ (Server) ซึ่งคล้ายกับบรรณารักษ์
คอยจัดเก็บโปรแกรมและฐานข้อมูล และควบคุมการเข้าใช้ของ User
แต่ละคน เครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็น Server นี้มักมีหน่วยความจำใหญ่และ
มีหน่วยประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าพีซีปกติ
ความสามารถในการทำงานของระบบแลนถูกกำหนดโดย
ระบบปฏิบัติการเครือข่าย (Network Operating System ; NOS )
ที่ติดตั้งอยู่ที่เครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องหรืออาจอยู่ที่เครื่อง Server เพียงเครื่องเดียว
ระบบปฏิบัติการจะทำหน้าที่ในการ กำหนดเส้นทางการเดินทางของข้อมูลในเครือข่ายและ
จัดการบริหารการสื่อสารตลอดจนควบคุมการใช้งานทรัพยากรทั้งหมดในเครือข่าย
ตัวอย่างซอฟท์แวร์ที่นิยมใช้ ได้แก่ Novell Netware ,
Microsoft Windows 2000 Server ,
IBM’s OS/2 Warp Server เป็นต้น
ซึ่งซอฟท์แวร์ประยุกต์ที่ใช้บนระบบเครือข่าย LAN ในปัจจุบันมักนิยมทำงานในแบบ
ผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ (Client / Server System)
โดยที่เครื่องผู้ให้บริการจะเป็นผู้จัดเตรียมข้อมูลและโปรแกรมให้ผู้ใช้บริการ

ระบบเครือข่ายในเขตเมือง (MAN)
โดยพื้นฐานแล้วระบบเครือข่ายในเขตเมือง (Metropolitan Area Network)
มีลักษณะคล้ายกับระบบ LAN แต่มีอาณาเขตที่ไกลกว่าในระดับเขตเมืองเดียวกัน
หรือหลายเมืองที่อยู่ติดกันก็ได้ ซึ่งอาจเป็นการให้บริการของเอกชนหรือรัฐก็ได้
เป็นการบริการเฉพาะหน่วยงาน มีขีดความสามารถในการให้บริการทั้งรับและส่งข้อมูล ทั้งภาพและเสียง
เช่นการให้บริการระบบโทรทัศน์ทางสาย (Cable TV)

ระบบเครือข่ายวงกว้าง (WAN)
เป็นระบบที่มีขอบเขตการใช้งานกว้างกว่า ไกลกว่าระบบแลน
ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นระบบที่ไร้ขอบเขตแล้ว เช่นระบบการสื่อสารข้อมูลผ่านดาวเทียมของสถานีโทรทัศน์ต่างๆ
แต่การที่จะเชื่อมต่อเครือข่ายที่มีระยะห่างกันมากๆให้เป็นเครือข่ายเดียวกันทั้งหมด
นั้นจำเป็นต้องอาศัยเครือข่ายสาธารณะ (Public Networks) ที่ให้บริการการสื่อสาร
โดยเชื่อมต่อผ่านโมเด็ม ผ่าน เครือข่ายโทรศัพท์สาธารณะ
(Public Switching Telephone Network ; PSTN)
ซึ่งมีทั้งลักษณะต่อโมเด็มแบบที่ต้องมีการติดต่อก่อน (Dial-up) หรือต่อตายตัวแบบสายเช่า

(Lease Line)
ระบบเครือข่ายที่พิจารณาจากขอบเขตการใช้งานขององค์กรระบบอินทราเนต
(Intranet) ในปัจจุบันบางองค์กรได้จำลองลักษณะของอินเตอร์เนตมาเป็นเครือข่ายภายในและ
ใช้งานโดยบุคคลากรของบริษัท ผู้คนในบริษัทจะทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อกันในองค์กร
เฉพาะเครือข่ายของบริษัทตนเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องใดๆกับองค์กรอื่นภายนอก
ทั้งที่อยู่ในสำนักงานเดียวกันหรือต่างสาขาก็ได้ หรือจะอยู่คนละภูมิประเทศก็ได้
สามารถสื่อสารกัน (Interfacing) ได้โดยการใช้ Web Browser
เขียนเป็น Home Pages เหมือนอินเตอร์เนตโดยทั่วไป ด้วยกราฟฟิก ภาพ ข้อความ เสียง
และมี Function ต่างๆ เช่น Web-board การ Log-in
การเปิดหน้าต่าง Browser ด้วยวิธีการคลิ๊กทีละ Page นำเสนอข้อมูลที่สวยงาม
ง่ายต่อการเข้าใจ มีระบบจดหมายอีเลกทรอนิกส์ มี Account ให้พนักงานแต่ละคนใช้ส่วนตัว
มีระบบโต้ตอบและสนทนาได้อัตโนมัติ ตัวอย่างของระบบอินทราเนต ที่นิยมใช้กันมาก
ได้แก่ ระบบซอฟท์แวร์ Lotus-Note ของบริษัท IBMข้อดีของอินทราเนตที่องค์กรต่างๆนิยมใช้เพราะ
เป็นส่วนตัว (Privacy) ในระดับองค์กร คาวมเร็วในการส่งผ่านข้อมูลที่จำเป็นเฉพาะองค์กร
การป้องกันการรั่วไหลของความลับองค์กร แต่ในขณะเดียวกันระบบอินทราเนตสามารถเชื่อมต่อ
กับระบบอินเตอร์เนตภายนอกได้ทันที เพราะอาศัย Protocol
มาตรฐาน TCP/IP เหมือนกันระบบเอ็กทราเนต
(Extranet) เป็นอีกลักษณะของระบบเครือข่ายที่เป็นระบบสารสนเทศระหว่างองค์กร
(Inter-Organization ; I-OIS) ใช้สำหรับการติดต่อสื่อสารข้อมูลระหว่างองค์กรที่มีความสัมพันธ์กัน
ต้องการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ติดต่อธุรกรรมกันเป็นประจำ ระหว่างพนักงาน
บริษัทคู่ค้า บริษัทลูกค้า หรือบริษัทที่เป็นพันธมิตรกัน

ระบบเอ็กทราเนตจะอาศัยโครงสร้างของอินทราเนต
และอินเตอร์เนตในการทำงานสื่อสารระหว่างองค์กร
แต่อาจอาศัยเครือข่ายเฉพาะส่วนบุคคล (Virtual private Networks ; VPN)
ซึ่งจะต้องมีการเข้ารหัสต่างๆ เพื่อขออนุญาตเข้าใช้เครือข่าย
มีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในองค์กรระหว่างกัน
ปัจจุบันนิยมมากในกลุ่มธุรกิจที่มีลักษณะเป็นพันธมิตรทางการค้า (Alliance)
ที่ต้องอาศัยข้อมูลของบริษัทร่วมกัน (Collaboration Commerce ; C-Commerce)
เช่น ข้อมูลสต็อกสินค้า ข้อมูลลูกค้า และมีฟังก์ชั่นการทำงานในลักษณะโต้ตอบ สนทนา แบบ Real time

ระบบอินเตอร์เนต (Internet)
เป็นระบบที่รู้จักกันดีและใช้งานกันอยู่เป็นประจำ เป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน
เชื่อมโยงศูนย์คอมพิวเตอร์ทั่วโลกเข้าไว้เป็นระบบเดียว จึงเป็นระบบสื่อสารที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
และมีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก เพราะมีประโยชน์ในวงการต่างๆ
มากมายอินเตอร์เนตที่ทั่วโลกสามารถเชื่อมต่อกันได้เพราะมีมาตรฐานหรือโปรโตคอลที่ชื่อว่า
TCP/IP (Transmission Control Protocol / Internet Protocol)
ซึ่งสามารถเชื่อมโยงได้โดยผ่านผู้ให้บริการอินเตอร์เนตเชิงพาณิชย์ (Internet Service Provider ; ISP )
ซึ่งจะทำหน้าที่ให้บริการเสมือนศูนย์กลางการสื่อสารคอยติดต่อประสานงานกับวงอินเตอร์เนตอื่นๆทั่วโลก
เสมือนสำนักงานไปรษณีย์ที่คอยส่งจดหมายไปตามที่อยู่ (IP Address)
ของผู้รับ ผู้ให้บริการอินเตอร์เนตในประเทศไทยปัจจุบันได้แก่ Loxinfo ,
CS Communication , Internet KSC , AsiaNet ,
Telecomasiaหรือแม้แต่องค์การโทรศัพท์หรือ ทศท.คอร์เปอเรชั่น จำกัด
ในปัจจุบันก็หันมาทำธุรกิจให้บริการอินเตอร์เนตด้วย

IP Address
หรือบ้านเลขที่บนอินเตอร์เนต ถ้าเปรียบอินเตอร์เนตเป็นเมืองขนาดใหญ่
และเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องเป็นบ้านที่มีถนนเชื่อมถึงกัน
เครื่องคอมพิวเตอร์เหล่านั้นย่อมต้องมีเลขที่บ้านเพื่อให้รู้ตำแหน่งกันโดย
ไม่ซ้ำกับเครื่องใดในโลก IP Address ประกอบไปด้วยตัวเลข 4 ชุด ต่อกัน
โดยมีจุดเป็นสัญญลักษณ์แบ่งตัวเลข แต่ละชุดมีค่าตั้งแต่ 0 – 255 โดยสามารถทำการขอเลข
IP ได้จากหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตจาก InterNIC
(Internet Network Information Center) เช่นผู้ให้บริการอินเตอร์เนตทั่วไป

Internet Address
คงไม่มีใครอยากจะจดจำ IP Address เพราะเป็นชุดตัวเลขที่ยาวมาก
ไม่สะดวกต่อการจดจำและเรียกใช้ลำบาก จึงมีการกำหนดชื่อเรียกขึ้นมาแทน
IP Address เหมือนการจดทะเบียนการค้า มีเลขทะเบียนการค้าแล้ว
แต่ต้องจดทะเบียนชื่อห้างร้านด้วย Internet Address อยู่ในรูปของตัวอักษร
นิยมตั้งให้จำได้ โดยมากใช้ชื่อองค์กรหรือชื่อที่มีความสัมพันธ์กับเนื้อหาหรือ
วัตถุประสงค์ขององค์กรหรือบุคคลเจ้าของ Website นั้นๆ
โดยมีตัวย่อหลังเครื่องหมายจุดในอินเตอร์เนตแอดเดรสเป็นตัวระบุความแตกต่างกันของขนิดองค์กร
ที่พบบ่อยๆ ได้แก่

ส่วนอินเตอร์เนตแอดเดรสในประเทศไทย
มักมี.th ตามต่อท้ายเพื่อให้ทราบว่ามี IP อยู่ในประเทศไทยเป็นการกำหนดตำแหน่งประเทศ
ที่เครื่องคอมพิวเตอร์นั้นๆ ตั้งอยู่ เช่น co.th , ac.th , go.th , or.th เป็นต้นบริการต่างๆในอินเตอร์เนต
ตัวอินเตอร์เนตเอง คือระบบที่สร้างขึ้นเพื่อการเชื่อมต่อข้อมูลแต่ข้อมูลที่จะเชื่อมต่อ
กันบนอินเตอร์เนตอาจอยู่ในรูปแบบใดๆก็ได้ ขึ้นกับความต้องการผู้ใช้ โดยมากที่เราพบเห็นจะอยู่ในรูปแบบ
www (World Wide Web หรือที่เรารู้จักกันว่า Web site)
แต่อินเตอร์เนตมีรูปแบบที่ให้บริการต่างๆได้มากมาย อาทิ


1. เครือข่ายใยพิภพ (เครือข่ายใยแมงมุม) World Wide Web
ประกอบไปด้วย Website ต่างๆมากมายบนโลก
2. บริการจดหมายอีเล็กทรอนิกส์ (e-Mail) ที่มีชื่อเสียงที่เรารู้จักก็คือ
โปรแกรม OutLook หรือบริการ e-mail บนเว็บยอดฮิตก็ Hotmail ที่รูจักกันดี
3. บริการโอนย้ายไฟล์ (File Transfer Protocol ; FTP)
บริการให้ Up – Down load แฟ้มข้อมูลต่างๆ
4. Usenet บอร์ดข่าวสารบนอินเตอร์เนต
5. ระบบการสนทนาโต้ตอบแบบทันที (Internet Relay Chat ; IRC)
6. Internet Phone หรือ Voice Mail ที่สามารถใช้เสียงพูดคุยผ่านอินเตอร์เนต (VoiceOverIP)
7. การให้บริการแฟกซ์ผ่านอินเตอร์เนต (Internet Fax)
8. การให้บริการภาพและเสียงผ่านอินเตอร์เนต (Streaming audio and video)

ข้อสอบปรนัย5ข้อ
1. ระบบเครือข่ายที่แบ่งประเภทโดยพิจารณาจากการจัดโครงสร้างอุปกรณ์เป็นหลัก เรียกว่าอะไร
ก.การจัดรูปทรงระบบเครือข่าย (Topology)
ข.การรักษาเครือข่าย
ค.การาดูแลเครือข่าย
ง.ถูกทุกข้อ

2.ระบบเครือข่ายตามขนาดทางกายภาพของระยะทางในการส่งข้อมูลเป็นหลักได้แก่
ก.เครือข่ายเฉพาะบริเวณ (LAN)
ข.เครือข่ายในเขตเมือง (MAN)
ค.เครือข่ายวงกว้าง (WAN)
ง.ถูกทุกข้อ

3.ระบบเครือข่ายแบบดาว ประกอบด้วยคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง เรียกว่า
ก.โฮสต์ (Host) หรือ เซิฟเวอร์
ข.ดาว
ค.ถูกทุกข้อ
ง.ไม่มีข้อถูก

4.ข้อใดไม่ใช่ระบบเครือข่ายตามขนาดทางกายภาพของระยะทางในการส่งข้อมูล
ก.เครือข่ายเฉพาะบริเวณ
ข.เครือข่ายในเขตเมือง
ค.เครือข่ายวงกว้าง
ง.ไม่มีข้อถูก

5.ระบบเครือข่ายแบบวงแหวน มีลักษณะอย่างไร
ก.ระบบเครือข่ายวงแหวนจะมีลักษณะคล้ายเครือข่ายบัสที่เอาปลายมาต่อกัน
ข.มีลักษณะเป็นวงกลม
ค.มีลักษณะสี่เหลี่ยม
ง.มีลักษณะวงรี

เฉลย 1. ก 2.ง 3.ก 4.ง 5.ก

e-learning ที่เกี่ยวข้อง

e-learning

http://e-learning.tu.ac.th/
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

http://e-learning.mfu.ac.th/
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

http://regelearning.payap.ac.th/
มหาวิทยาลัยพายัพ

http://elearning.utcc.ac.th/lms/main/default.asp
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

http://md.rmutk.ac.th/
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ

http://e-learning.kku.ac.th/
มหาวิทยาลัยขอนแก่น

http://space.kbu.ac.th/el/index.asp
มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต

http://elearning.dusit.ac.th/xedu/Home.aspx
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต

http://sutonline.sut.ac.th/moodle/mod/resource/view.php?id=7790
มหวิทยาลัยเทคโนดลยีสุรนารี

http://www.academic.hcu.ac.th/e-learning/e-learning.html
มหวิทยาลัยหัวเฉลียวเฉลิมพระเกียรติ

URL ที่สนใจ
http://e-learning.kku.ac.th
มหาวิทยาลัยขอนแก่น

เพราะว่าสื่อการเรียนการสอนมากมายแล้วแต่ตัวเราจะศึกษาค้นคว้าว่าสนใจตัวไหน
การเข้าใช้งานระบบ
Username และ Password ของระบบนี้ เป็นตัวเดียวกันกับระบบทะเบียนเรียนของมหาวิทยาลัยขอนแก่น (http://reg.kku.ac.th/) หากนักศึกษาลืมรหัสผ่าน ขอให้นักศึกษาติดต่อสำนักบริหารและพัฒนาวิชาการ (สำนักทะเบียนและประมวลผล) ชั้น 1 อาคารศูนย์วิชาการ เพื่อขอรหัสผ่านใหม่
การเข้าเรียนในรายวิชา
นักศึกษาจะเข้าเรียนในวิชาที่ลงทะเบียนเรียนได้โดยอัตโนมัติ หากมีบทเรียนของรายวิชานั้นในระบบ e-Learning โดยนักศึกษาจะพบรายชื่อวิชาที่เข้าเรียนได้เมื่อ login เข้าระบบแล้ว

คำอธิบายรายวิชา เครือข่ายคอมพิวเตอร์และการกระจาย

คำอธิบายรายวิชา
(Course Description)
ความรู้เบื้องต้นเบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เครือข่าย
การสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์กับเทอร์มินอล ชั้นของโปรโตคอลมาตรฐาน OSI รูปแบบต่าง ๆ ของเครือข่าย X.25 เนตเวิร์คและดิจิตอลเนตเวอร์ค การประมวลผลแบบตามลำดับและแบบขนาน
การไปป์ไลน์ (Pipelining)
การประมวลผลแบบเวคเตอร์ (Vector Processing)
การประมวลผลแบบอะเรย์ (Array Processors)
มัลติโปรเซสเชอร์ (Multiprocessor)
และฟอลท์โทเลอร์แรนซ์ (Fault Tolerance)

วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2551

การบ้านหลักการออกแบบ Optical Fiber Digital Communication

แบบฝึกหัด
ข้อ1.
3 0 mbit ระยะทาง 45 km
1.Preformanc = ไม่ระบุ
2.BL = 30*45 =1,350
3.เลือก optical source
เลือก LED power ที่ -15
เพราะ ราคาประหยัด
4.เลือก optical fiber เลือก Graded Index Multimode
เพราะ ลองรับ BL แบร์นวิด ที่ 1.5 GHz/km
5.เลือก optical detector
เลือก PIN - FET มีค่า sensitivity -60
เพราะ ราคาประหยัด
6.Lmax = Po - Por
แทนค่า (-15) - (-60)
= 65
7.Lf = Lmax (Lc + Ls + Pm)
กำหนด
Lc= 0.50กำหนด
Ls = 1dbกำหนด
Pm = 6dbแทนค่า
Lf = 65- (0.50 +1 +6= 57.50
8.Dmax = Lf/LfimaxLf
= 57.50
Lfimax
= 2
แทนค่า 57.50/2
= 28.75

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ข้อ2.
50 mbit ระยะทาง 100 km
1.Preformanc
= ไม่ระบุ
2.BL = 50*100 = 5,000
3.เลือก optical source เลือก LED power ที่ -20
เพราะ ราคาประหยัด
4.เลือก optical fiber เลือก Graded Index Multimode
เพราะ ลองรับ BL แบร์นวิด ที่ 1.5 GHz/km
5.เลือก optical detector เลือก PIN - FET มีค่า sensitivity -50
เพราะ ราคาประหยัด
6.Lmax = Po - Por
แทนค่า (-20) - (-50)
= 70
7.Lf = Lmax (Lc + Ls + Pm)
กำหนด Lc = 0.50
กำหนด Ls = 1db
กำหนด Pm = 5db
แทนค่า Lf = 70- (0.50 +1 +5)
= 31.75
8.Dmax = Lf/Lfimax
Lf = 63.50
Lfimax = 2
แทนค่า 63.50/2
= 31.57km

เส้นใยแก้วนำแสง

เส้นใยแก้วนำแสง (fiber optic) คืออะไร
เส้นใยแก้วนำแสงหรือไฟเบอร์ออปติก เป็นตัวกลางของสัญญาณแสงชนิดหนึ่ง ที่ทำมาจากแก้วซึ่งมีความบริสุทธิ์สูงมากเส้นใยแก้วนำแสงมีลักษณะเป็นเส้นยาวขนาดเล็ก มีขนาดประมาณเส้นผมของมนุษย์เรา เส้นใยแก้วนำแสงที่ดีต้องสามารถนำสัญญาณแสงจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งได้ โดยมีการสูญเสียของสัญญาณแสงน้อยมากเส้นใยแก้วนำแสงสามารถแบ่งตามความสามารถในการนำแสงออกได้เป็น 2 ชนิด คือ เส้นใยแก้วนำแสงชนิดโหมดเดี่ยว (Singlemode Optical Fibers, SM) และชนิดหลายโหมด (Multimode Optical Fibers, MM) ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาเส้นใยแก้วนำแสง ที่ทำมาจากพลาสติกเพื่องานบางอย่างที่ไม่คำนึงถึงการสูญเสียสัญญาณมากนัก เช่น การสื่อสารในระยะทางสั้น ๆ ไม่กี่เมตร

เส้นใยแก้วนำแสงประกอบด้วยส่วนสำคัญ 2 ส่วนคือ
ส่วนที่เป็นตัวกลางนำแสงซึ่งทำจากวัสดุ เช่น แก้ว พลาสติก เรียกว่าแกน (core) กับส่วนที่เป็นที่ห่อหุ้มแกน (cladding)โดยดัชนีหักเหของที่ห่อหุ้มแกนจะมีค่าน้อยกว่าดัชนีหักเหของแกนทั้งนี้ก็เพื่อกั้นไม่ให้แสงภายในเส้นใยแก้วนำแสงทะลุออกมาภายนอกเส้นใยแก้วนำแสงบางรุ่นจะมีเพียงแกนกับที่ห่อหุ้มแกนเท่านั้น จึงทำให้เส้นใยแก้วนำแสงดังกล่าวมีขนาดเล็กมากแต่ในเส้นใยแก้วนำแสงที่ใช้งานทั่วไปนั้นถัดจากส่วนที่ห่อหุ้มแกนออกมา จะเป็นส่วนที่ห่อหุ้มสำหรับทำหน้าที่ป้องกันการฉีกขาดของเส้นใยแก้วนำแสง และเป็นส่วนที่รองรับแรงดึงแรงบิดที่กระทำต่อเส้นใยแก้วนำแสง รวมทั้งป้องกันไม่ให้แสงหรือรังสีอินฟราเรดจากภายนอกเข้ามารบกวนสัญญาณภายในเส้นใยแก้วนำแสง ส่วนห่อหุ้มนี้มักจะทำจากวัสดุเหนียวสีดำ สำหรับเส้นใยแก้วนำแสงบางรุ่นที่มีขนาดใหญ่มาก จะมีการใส่สายเคเบิ้ลโลหะด้วยเพื่อเพิ่มความแข็งแรงทนทานในอาคารบ้านเรือน ที่อยู่อาศัย สำนักงานอาคารอุตสาหกรรมต่างๆ ล้วนแล้วแต่ต้องใช้สายสัญญาณเพื่อเชื่อมโยงระบบสื่อสาร แต่เดิมสายสัญญาณที่นำมาใช้ ได้แก่ สายตัวนำทองแดง ปัจจุบันสายสัญญาณระบบสื่อสารมีความจำเป็นมากขึ้น โดยเฉพาะ ระบบการเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และมีแนวโน้มที่จะรวมระบบสื่อสาร อย่างอื่นประกอบเข้ามาในระบบด้วย เช่น ระบบเคเบิลทีวี ระบบโทรศัพท์ ระบบการบริการข้อมูลข่าวสารเฉพาะของบริษัทผู้ให้บริการต่างๆ ความจำเป็นลักษณะนี้ จึงมีผู้ตั้งคำถามว่า ถึงเวลา แล้วหรือยังที่จะให้อาคารที่สร้างใหม่ มีระบบเครือข่ายสายสัญญาณด้วยเส้นใยแก้วนำแสง หากพิจารณาให้ดีพบว่า เวลานั้นได้มาถึงแล้ว ปัจจุบันราคาของเส้นใยแก้วนำแสงที่เดินในอาคารมีราคาใกล้เคียงกับสาย UTP แบบเกรดที่ดี เช่น CAT 5 ขณะเดียวกันสายเส้นใยแก้วนำแสง ให้ประสิทธิภาพที่สูงกว่ามาก และรองรับการใช้งานในอนาคตได้มากกว่า สายยูทีพี (UTP) แบบ CAT 5 รองรับความเร็วสัญญาณ ได้ 100 เมกะบิตต่อวินาที และมีข้อจำกัดในเรื่องความยาวเพียง 100 เมตร ขณะที่สายใยแก้วนำแสงรองรับความถี่สัญญาณได้หลายร้อยเมกะเฮิรตซ์ และยังใช้ได้กับ ความยาวถึง 2,000 เมตร การพัฒนาในเรื่องต่างๆของเส้นใยแก้วนำแสงได้ก้าวมาถึงจุดที่จะนำมาใช้กันอย่างกว้างขวางแล้ว บทความนี้จึงขอนำเสนอเพื่อแสดงให้เห็นว่า เส้นใยแก้วนำแสงมีจุดเด่นอย่างไร มีแนวโน้มการใช้งานด้านใดบ้าง และที่สำคัญคือ จะได้เป็นข้อมูลสำหรับการศึกษา และทำความเข้าใจกับเส้นใยแก้วนำแสง เพื่อว่าจะได้เห็นข้อดีข้อเสียรวมถึงแนวทางการนำมา ประยุกต์ให้คุ้มค่า โดยเฉพาะการมองแนวทางของเทคโนโลยีในระยะไกล จุดเด่นของสายใยแก้วนำแสงจุดเด่นของเส้นใยแก้วนำแสงมีหลายประการ โดยเฉพาะจุดที่ได้เปรียบสายตัวนำทองแดง ที่จะนำมาใช้แทนตัวนำทองแดง จุดเด่นเหล่านี้ มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งประกอบด้วย ความสามารถในการรับส่งข้อมูลข่าวสาร เส้นใยแก้วนำแสงที่เป็นแท่งแก้ว ขนาดเล็ก มีการโค้งงอได้ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางที่ใช้กันมากคือ 62.5/125 ไมโครเมตร เส้นใยแก้วนำแสงขนาดนี้ เป็นสายที่นำมาใช้ภายในอาคารทั่วไปเมื่อใช้กับคลื่นแสงความยาวคลื่น 850 นาโนเมตร จะส่งสัญญาณได้มากกว่า 160 เมกะเฮิรตซ์ ที่ความยาว 1 กิโลเมตร และถ้าใช้ความยาวคลื่น 1,300 นาโนเมตร จะส่งสัญญาณได้กว่า 500 เมกะเฮิรตซ์ ที่ความยาว 1 กิโลเมตร และถ้าลดความยาวลงเหลือ 100 เมตร จะใช้กับความถี่ของสัญญาณมากกว่า 1 กิกะเฮิรตซ์ได้ ดังนั้นจึงดีกว่าสายยูทีพีแบบแคต 5 ที่ใช้กับสัญญาณได้ 100 เมกะเฮิรตซ์ กำลังสูญเสียต่ำเส้นใยแก้วนำแสงมีคุณสมบัติในเชิงการให้แสงวิ่งผ่านได้ การบั่นทอนแสงมีค่าค่อนข้างต่ำ ตามมาตรฐานของเส้นใยแก้วนำแสง การใช้เส้นสัญญาณนำแสงนี้ใช้ได้ยาวถึง 2,000 เมตร หากระยะทางเกินกว่า 2,000 เมตร ต้องใช้ รีพีตเตอร์ทุกๆ 2,000 เมตร การสูญเสียในเรื่องสัญญาณจึงต่ำกว่าสายตัวนำทองแดงมาก ที่สายตัวนำทองแดงมีข้อกำหนดระยะทางเพียง 100 เมตร หากพิจารณาในแง่ความถี่ที่ใช้ ผลตอบสนองทางความถี่มีผลต่อกำลังสูญเสีย โดยเฉพาะในลวดตัวนำทองแดง เมื่อใช้เป็นสายสัญญาณ คุณสมบัติ ของสายตัวนำทองแดงจะเปลี่ยนแปลง เมื่อใช้ความถี่ต่างกัน โดยเฉพาะเมื่อใช้ความถี่ของสัญญาณที่ส่งในตัวนำทองแดง สูงขึ้น อัตราการสูญเสียก็จะมากตามแต่กรณีของเส้นใยแก้วนำแสง เราใช้สัญญาณความถี่มอดูเลตไปกับแสง การเปลี่ยน สัญญาณรับส่งข้อมูลจึงไม่มีผลกับกำลังสูญเสียทางแสง คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไม่สามารถรบกวนได้ ปัญหาที่สำคัญของสายสัญญาณ แบบทองแดง คือ การเหนี่ยวนำโดยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ปัญหานี้มีมาก ตั้งแต่เรื่องการรบกวนระหว่างตัวนำหรือเรียกว่า Crosstalk การไม่แมตซ์พอดีทางอิมพีแดนซ์ ทำให้มีคลื่นสะท้อนกลับ การรบกวนจากปัจจัย ภายนอกที่เรียกว่า EMI ปัญหาเหล่านี้สร้างให้ผู้ใช้ต้องหมั่นดูแล แต่สำหรับเส้นใยแก้วนำแสง แล้ว ปัญหาเรื่องเหล่านี้จะไม่มี เพราะแสงเป็นพลังงานที่มีพลังงานเฉพาะ และไม่ถูกรบกวนโดยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า การเดินทาง ในเส้นแก้วก็ปราศจากการรบกวนของแสงจากภายนอก

น้ำหนักเบา
เส้นใยแก้วนำแสงมีน้ำหนักเบากว่าเส้นลวดตัวนำทองแดง น้ำหนัก ของเส้นใยแก้วนำแสงขนาด 2 แกนที่ใช้ทั่วไป มีน้ำหนักเพียงประมาณ 20 ถึง 50 เปอร์เซนต์ของสาย UTP แบบ CAT 5

ขนาดเล็ก
เส้นใยแก้วนำแสงมีขนาดทางภาคตัดขวางแล้ว เล็กกว่าลวดทองแดง มาก ขนาดของเส้นใยแก้วนำแสง เมื่อรวมวัสดุหุ้มแล้วมีขนาดเล็กกว่าสายยูทีพี โดยขนาดของสายใยแก้วนี้ใช้พื้นที่ประมาณ 15 เปอร์เซนต์ ของเส้นลวดยูทีพีแบบ CAT 5 มีความปลอดภัยในเรื่องข้อมูลสูงกว่า การใช้เส้นใยแก้วนำแสงมีลักษณะใช้ แสงเดินทางในข่าย จึงยากที่จะทำการแท๊ปหรือทำการดักฟังข้อมูล มีความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินการที่เส้นใยแก้วเป็นฉนวนทั้งหมด จึงไม่นำกระแสไฟฟ้า การลัดลงจร การเกิดอันตรายจากกระแสไฟฟ้าจึงไม่เกิดขึ้น

เส้นใยแก้วนำแสงมีราคาแพง
แนวโน้มทางด้านราคามีการเปลี่ยนแปลงราคาของเส้นใยแก้วนำแสงลดลง จนในขณะนี้ยังแพงกว่าสายยูททีพีอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มากนักนอกจากนี้หลายคนยังเข้าใจว่า การติดตั้งเส้นใยแก้วนำแสงมีข้อยุ่งยาก และต้องใช้คนที่มีความรู้ความชำนาญ เสียค่าติตั้งแพง ความคิดนี้ก็คงไม่จริง เพราะการติดตั้งทำได้ไม่ยากนักเนื่องจากมีเครื่องมือพิเศษช่วยได้มาก เครื่องมือพิเศษนี้สามารถเข้าหัวสายได้โดยง่ายกว่าแต่เดิมมาก อีกทั้งราคาเครื่องมือก็ถูกลงจนมีผู้รับติดตั้งได้ทั่วไป

เส้นใยแก้วนำแสงยังไม่สามารถใช้กับเครื่องที่ตั้งโต๊ะได้
ปัจจุบันพีซีที่ใช้ส่วนใหญ่ต่อกับแลนแบบอีเธอร์เน็ต ซึ่งได้ความเร็ว 10 เมกะบิต การเชื่อมต่อกับแลนมีหลายมาตรฐาน โดยเฉพาะปัจจุบันหากใช้ความเร็วเกินกว่า 100 เมกะบิต สายยูทีพีรองรับไม่ได้ เช่น เอทีเอ็ม 155 เมกะบิต แนวโน้มของการใช้งานระบบเครือข่ายมีทางที่ต้องใช้แถบกว้างสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะเมื่อต้องการให้พีซีเป็นมัลติมีเดียเพื่อแสดงผลเป็นภาพวิดีโอ การใช้เส้นใยแก้วนำแสงดูจะเป็นทางออก พัฒนการของการ์ดก็ได้พัฒนาไปมากเอทีเอ็มการ์ดใช้ความเร็ว 155 เมกะบิต ย่อมต้องใช้เส้นใยแก้วนำแสงรองรับ การใช้เส้นใยแก้นำแสงยังสามารถใช้ในการส่งรับวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ หรือสัญญาณประกอบอื่น ๆ ได้ดี

สรุปคำสั่ง OSPF

OSPF เป็นเร้าติ้งโปรโตคอลที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใช้บนเน็ตเวิร์ก IP โดยคณะทำงาน Interior Gateway Protocol (IGP) ย่อยแห่งคณะกรรมการ Internet Engineering Task Force (IETF) คณะทำงานนี้ได้ถูกก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1998 เพื่อทำหน้าที่ออกแบบเร้าติ้งโปรโตคอลที่ใช้บนเน็ตเวิร์กภายในองค์กร โดยมีพื้นฐานมาจากอัลกอริทึมในทางคอมพิวเตอร์แบบ Shortest Path First (SPF) อัลกอริทึมนี้มีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า Dijkstra’S Algorithm ซึ่งเป็นชื่อที่ตั้งตามชื่อของนักคณิตศาสตร์ที่เป็นผู้ออกแบบและคิดค้นอับกอริทึมนี้OSPFได้รับการออกแบบมาเพื่อเอาชนะข้อจำกัดต่าง ๆที่เคยมีในเร้าติ้งโปรโตคอลแบบ Distance Vector OSPF นั้นสามารถตอบสนองได้รวดเร็วต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในเน็ตเวิร์ก และมีการส่ง “triggered updates” ไปในทันทีโดยอัตโนมัติ และส่ง “Periodix update” ไปทุก ๆ ช่วงเวลาเช่น ทุก ๆ 30 นาที นอกจากนั้นยังมีกลไกล ที่ดีในการตรวจสอบสถานการณ์สื่อสาร ระหว่างเร้าเตอร์ปัจจุบันกับเร้าเตอร์ข้างเคียงต่าง ๆ ด้วย “ Hello Mechanism”โดยสรุปแล้ว OSPF มีคุณลักษณะที่สำคัญได้แก่
- เป็นเร้าติ้งโปรโตคอลมาตรฐานและเป็นมาตรฐานสากล ข้อกำหนดและพฤติกรรมต่าง ๆ ได้รับการอธิบายไว้อย่างชัดเจนใน RFC (Request for Comments) IETF ได้พัฒนา OSPF ขึ้นมาในปี 1988 ส่วนเวอร์ชันล่าสุดซึ่งรู้จักกันในนาม OSPF เวอร์ชัน 2 ได้รับการอธิบายไว้ใน RFC 2328
- เป็นเร้าติ้งโปรโตคอลที่อาศัยการอัปเดตสถานะของเน็ตเวิร์กอินเตอร์เฟซไปให้กับเร้าเตอร์เพื่อบ้านแล้วให้เร้าเตอร์เพื่อนบ้านสร้างภาพรวมของเน็ตเวิร์กทั้งหมด และคำนวณหาเส้นทางเอง แต่จะไม่ ส่งเร้าติ้งเทเบิลทั้งตารางไปให้เร้าเตอร์เพื่อนบ้านเหมือนกันในกรณีของ Distance Vector
- มีการเลือกเส้นทางที่สั้นที่สุดโดยพิจารณาจากแบนด์วิดธ์ (Bandwidth)
-รองรับการตั้งแอดเดรสแบบมีจำนวนบิตของ Subnet Mask ไม่เท่ากัน (Variable Length Subnet Mask: VLSM) และมีการส่ง Subnet Mask ไปให้เร้าเตอร์เพื่อนบ้านด้วย
-รองรับการสร้างสิ่งที่เรียกว่า “OSPF Area” ซึ่งสามารถทำให้เน็ตเวิร์กที่ใช้งาน OSPF สามารถจัดแบ่งเน็ตเวิร์กออกเป็นโซนหรือพื้นที่ย่อย ๆ ได้ (เรียกว่าการแบ่ง Area) ทั้งนี้เพื่อจำกัดสโคป หรือขอบเขตของการเปลี่ยนแปลงเน็ตเวิร์กโทโพโลยี
-รอบรับการทำ “Route summarization”
-รองรับการทำการกระจายแพ็กเก็ตไปบนเส้นทางที่มีแบนด์วิดธ์เท่ากัน
-สามารถทำ “Route authentication” ระหว่างเร้าเตอร์เพื่อตรวจสอบตัวตนซึ่งกันและกันก่อนที่จะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน-ไวมากต่อพฤติกรรมการเปลี่ยนแปลงเน็ตเวิร์กโทโพโลยี (Fast convergence) Wireshark เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการดักจับ Packet ที่มีการรับส่งกันบนเครือข่าย ในการดักจับ Packet นั้น โปรแกรม Wireshark นั้นจะต้องทำงานที่เครื่องคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายนั้นNetwork Diagram ที่ใช้ Wireshark ในการดักจับ packet แสดงภาพของ Network Diagram ที่ใช้ในการดักจับ Packet ของการทำงานของ Open Shortest Path First (OSPF) Protocol ซึ่งจะเป็นการติดต่อเปลี่ยนแปลง Update Routing Protocol ระหว่าง Core Switch และ Router ใน Area เดียวกับการค้นหาเร้าเตอร์ ข้างเคียงที่รัน OSPF จะเกิดขึ้นด้วยการส่งแพ็กเก็ตพิเศษที่เรียกว่า HELLO PACKET ออกไปไปโดยใช้มัลติคาสก์แอดเดรส 224.0.0.5 หลังจากนั้นแอดเดรสของเร้าเตอร์ ข้างเคียงที่ค้นพบได้จะถูกเก็บไว้ในตาราง OSPF Neighbor Tableผลลัพธ์ที่ได้จะแสดงหมายเลข IP Address ของเร้าเตอร์ และ Switch ข้างเคียง แต่ละตัวที่ค้นพบได้ทางซีเรียสอินเตอร์เฟซต่างๆ กัน เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนบ้านถูกสร้างขึ้นได้สำเร็จ สถานะ (State) ที่เห็นจะอยู่ในสถานะ FULL หลังจากฟอร์มความสัมพันธ์ระหว่างกันได้แล้ว เร้าเตอร์จะมีการส่ง Hello packet ออกไปให้เร้าเตอร์เพื่อนบ้านทุก ๆ ระยะๆ ตามช่วงเวลาที่เรียกว่า Hello Interval เพื่อยืนยันว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่ หากเร้าเตอร์ไม่ได้ รับ HELLO PACKET มาจาเร้าเตอร์เพื่อนบ้านหลังจากช่วงเวลาที่เรียกว่า Dead Interval ผ่านไปมันตะถือว่าเร้าเตอร์เพื่อนบ้านนั้น ๆ ได้ดาวน์ลงไปรูปแบบของ Hello Packetในการสร้างความสัมพันธ์ของ Protocol OSPF จาก Core Switch ที่มี Source IP Address เป็น 172.18.19.252 ซึ่งมี Destination IP Address เป็น 244.0.0.5 (Multicast Address)BGP (Border Gateway Protocol) เป็นโปรโตคอลเลือกเส้นทางประเภท Exterior Gateway Routing ที่ใช้เพื่อการเชื่อมต่อเราเตอร์ (Router) และเครือข่ายที่อยู่ต่างโดเมน (Domain) กันบนอินเทอร์เน็ตBGP ใช้ Protocol TCP Port หมายเลข 179 เพื่อใช้ในการขนถ่ายข้อมูลข่าวสาร โดยมีการใช้ TCP เพื่อการสถาปนาการเชื่อมต่อก่อนจะแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างเราเตอร์ BGP ทั้งสอง (Peer Router) จากนั้นก็จะทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งการเปิดสัมพันธไมตรีก่อนที่จะแลกเปลี่ยนข่าวสารระหว่างกันต่อไปข้อมูลข่าวสารที่เราเตอร์ทั้งสองใช้เพื่อการแลกเปลี่ยนกัน รวมไปถึงข่าวสารที่แสดงถึงความสามารถในการเข้าถึงกันได้ โดยข่าวสารนี้เป็นในรูปแบบของเลขหมาย AS ของแต่ละฝ่าย ซึ่งต่างฝ่ายถือเป็นเส้นทางในการเข้าหากัน ข้อมูลนี้จะช่วยให้เราเตอร์สามารถสร้างผังของเส้นทางที่ปราศจากลูป (Loop) ในการเข้าหากัน อีกทั้งเราเตอร์ยังใช้เพื่อเป็นการกำหนดเส้นทางเชิงนโยบายที่มีเนื้อหาที่กำหนดข้อจำกัดต่าง ๆจุดประสงค์ของการใช้ BGP
1.BGP ให้ประโยชน์อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะการเชื่อมต่อเครือข่ายต่าง ๆ รวมทั้งลูกค้า และผู้ให้บริการโทรศัพท์ รวมทั้งเครือข่ายอื่น ๆ
2.BGP เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายในรูปแบบของ Autonomous ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
3.BGP เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายในระดับ Enterprise หากองค์กรของท่านมีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตแบบหลายเชื่อมต่อเพื่อผลแห่ง Redundancy BGP ก็สามารถทำ Load Balancing Traffic ได้บนเส้นทางที่เป็น Redundant Link
4.จัดเลือกเส้นทางผ่านทางเครือข่ายไปยัง Autonomous System อื่น ๆ ที่เชื่อมต่อกัน
5.มีการเชื่อมต่อระหว่าง Autonomous System มากกว่า 1 เส้น
6.ควบคุมการลำเลียงข้อมูลข่าวสารที่วิ่งไปมาระหว่างระบบ Autonomous System7.ท่านยังสามารถใช้ Policy ที่กำหนดให้ท่านสามารถเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดเพื่อเดินทางไปสู่ปลายทางRIP (Routing Information Protocol) เป็นโปรโตคอลที่ใช้อย่างกว้างขวาง สำหรับการจัดการสารสนเทศของ router ภายในเครือข่าย เช่น เครือข่าย LAN ของบริษัท หรือการติดต่อภายในกลุ่ม ของเครือข่าย RIP ได้รับการจัดชั้นโดย Internet Engineering Task Force (IETF) ให้เป็นหนึ่งในโปรโตคอลของ Internet Gateway Protocol (หรือ Interior Gateway Protocol)การใช้ RIP, gateway host (ที่มี router) จะส่งตาราง routing (ซึ่งมีรายการของ host ทั้งหมดที่ทราบ) ไปยัง host ใกล้เคียงทุก 30 วินาที host ใกล้เคียง จะส่งต่อสารสนเทศไปยัง host ต่อไป จนกระทั่งภายในเครือข่าย จะมีข้อมูลเส้นทางเหมือนกัน สถานะนี้เรียกว่า network convergence การหาระยะของเครือข่าย RIP ใช้การนับแบบ hop เป็นวิธีการในการค้นหา (โปรโตคอลอื่นใช้อัลกอริทึมที่ทันสมัยกว่า เช่น เวลา) แต่ละ host ที่มี router ในเครือข่ายใช้ตารางสารสนเทศ routing ในการค้นหา host ต่อไป เพื่อหาเส้นทางให้กับแพ็คเกต สำหรับปลายทางที่กำหนดRIP ได้รับการพิจารณาว่าคำตอบที่มีประสิทธิผล สำหรับเครือข่าย homogeneous ขนาดเล็ก สำหรับเครือข่ายที่ซับซ้อน การส่งผ่านตาราง routing ทุก 30 วินาทีของ RIP อาจจะทำให้จำนวนรวม ของการใช้เครือข่ายหนาแน่นขึ้น

วันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2551

การสอบ ccna ccnp ccie

การสอบ CCNA
- ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ network media
- การคอนฟิก router เบื้องต้นโดยใช้ Cisco IOS commands
- การติดตั้ง และคอนฟิกเน็ตเวิร์กบน LAN, WAN
- เข้าใจ และสามารถคอนฟิก routable protocols (IP, IPX, Apple Talk, etc.)
- เข้าใจ และสามารถคอนฟิก routing protocols (RIP, IGRP, EIGRP, etc.)
- ระบบความปลอดภัยบนเน็ตเวิร์กสถานที่คือกรุงเทพกับเชียงใหม่ส่วนค่าใช้จ่ายในการสอบ ประมาณ 8900

การสอบ CCNP
CCNP certification (Cisco Certified Network Professional) เป็น Network Specialist Certification ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ผู้ที่ได้รับ CCNP Certified นั้นมีความสามารถในการติดตั้ง, ปรับแต่งและแก้ปัญหากับอุปกรณ์ Routers Router, LAN Switching ตลอดจน Access Server
ในระดับ enterprise ขององค์กรได้ ทั้งนี้ข้อสอบใหม่ จะเน้นหัวข้อเนื้อหาใหม่ในด้าน security,converged networks, quality of service (QoS), virtual private networks (VPN) และ broadband technologies.ใ
นการสอบ CCNP มีทั้งหมด 4 วิชาราคาสอบอยู่ที่ประมาณ 6,450 บาทครับ ทุกวิชาเท่ากันหมดครับ
สถานที่สอบที่ VNOHOW

การสอบ CCIE
CCIE - Cisco Certified Internetwork Expert CCIE เป็น Cert ระดับสูงของ cisco โดยจะมี 4 Track ย่อยๆ แบ่งไปตามลักษณะของการทำงาน เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของ Cisco โดยแต่ละ Track จะแยกจากกันอย่างสิ้นเชิง หากต้องการทำงานในด้านใดในระดับสูง ก็เลือกจากข้อสอบในส่วนนี้Track ย่อยประกอบไปด้วยCCIE Service Provider CCIE Routing and Switching CCIE Security CCIE VoiceCisco Certified Internetwork Expert (CCIE) เป็นประกาศนียบัตรขั้นสูงสุดในส่วนของ Network Installation and Support Certificationและ Communication and Services Certification

สถานที่สอบ
1. Bangalore (บังกาลอร์,อินเดีย)
2. Beijing (ไบจิง,จีน)
3. Brussels (กรุงบรัสเซล,เบลเยี่ยม)
4. Dubai (ดูไบ)
5. Hongkokg (ฮ่องกง)
6. Research Triangle Park (RTP)
7. San Jose (สองสถานที่ข้างต้น 6,7 อยู่แถวๆโซนอเมริกา)
8. Sao_Paolo (เซ้าเปาโล,บราซิล)
9. Sydney (ซิดนีย์,ออสเตรเลีย)
10. Tokyo (โตเกียว,ญี่ปุ่น)ค่าใช้จ่ายในเรื่อง CCIE Boot CAMP 250000 บาท ค่าสอบ มาคือว่าWriting ค่าสอบ 300 เหรียญ หรือ 10500 บาทLab ค่าสอบ 1250 เหรียญ หรือ 43750 บาทไหนจะค่าบินไปสอบ ค่ากินก็คงตกอยู่ประมาณ 10000 บาท

สอบย่อยครั้งที่ 2 ข้อสอบ 15 ข้อ

1. Router มีกี่โหมด อะไรบ้าง อธิบายให้ละเอียดตอบ


ตอบ Router มีอยู่ 2 แบบ หลักๆ

ได้แก่- แบบสเตติก (Static Route)- แบบไดนามิก (Dynamic Route)

Static คือการเลือกเส้นทางแบบ Static นี้ การกำหนดเส้นทางการคำนวณเส้นทางทั้งหมด กระทำโดยผู้บริหาจัดการเครือข่าย ค่าที่ถูกป้อนเข้าไปในตารางเลือกเส้นทางนี้มีค่าที่ตายตัว ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นใดๆ บนเครือข่าย จะต้องให้ผู้บริหารจัดการดูแล เครือข่า เข้ามาจัดการทั้งสิ้น อย่างไรก็ดีการใช้ วิธีการทาง Static เช่นนี้ มีประโยชน์เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมดังนี้-เหมาะสำหรับเครือข่ายที่มีขนาดเล็ก-เพื่อผลแห่งการรักษาความปลอดภัยข้อมูล เนื่องจากสามารถแน่ใจว่า ข้อมูลข่าวสารจะต้องวิ่งไปบนเส้นทางที่กำหนดไว้ให้ ตายตัว-ไม่ต้องใช้ Software เลือกเส้นทางใดๆทั้งสิ้น-ช่วยประหยัดการใช้ แบนวิดท์ของเครือข่ายลงได้มาก เนื่องจากไม่มีปัญหาการ Broadcast หรือแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่าง Router ที่มาจากการใช้โปรโตคอลเลือกเส้นทางการจัดตั้ง Configuration สำหรับการเลือกเส้นทางแบบ Staticเป็นที่ทราบดีแล้วว่า การเลือกเส้นทางแบบ Static เป็นลักษณะการเลือกเส้นทางที่ถูกกำหนดโดยผู้จัดการเครือข่าย เพื่อกำหนดเส้นทางการเดินทางของข้อมูลที่ตายตัว หรือเจาะจงเส้นทางปกติ Router สามารถ Forward Packet ไปข้างหน้า บนเส้นทางที่มันรู้จักเท่านั้น ดังนั้นการกำหนดเส้นทางเดินของแพ็กเก็ตให้กับ Router จึงควรให้ความระมัดระวังวิธีการจัด Configure แบบ Static Route ให้กับ Router Cisco ให้ใส่คำสั่ง ip route ลงไปที่ Global Configuration Mode มีตัวอย่างการใช้คำสั่ง ดังนี้ip route network [ mask ] {address interface} [distance] [permanent]

-Network เครือข่าย หรือ Subnet ปลายทาง

-Mask หมายถึงค่า Subnet mask

-Address IP Address ของ Router ใน Hop ต่อไป

-Interface ชื่อของ Interface ที่ใช้เพื่อเข้าถึงที่หมายปลายทาง

-Distance หมายถึง Administrative Distance

-Permanent เป็น Option ถูกใช้เพื่อกำหนด เส้นทางที่ตั้งใจว่าจะไม่มีวันถอดถอนทิ้ง ถึงแม้ว่า จะปิดการใช้งาน Interface ก็ตาม



Dynamic คือ

Exterior Gateway Routing

ProtocolDistance Vector Routing

ProtocolLink State Routing Protocol

เนื่องจาก จุดประสงค์ของการเขียนบทความนี้ ก็เพื่อให้ท่านผู้อ่านมีแนวคิดในการจัดตั้งเครือข่ายและอุปกรณ์ Router เพื่อเชื่อมต่อกันระหว่างเครือข่าย และเนื่องจากขอบข่ายของหลักวิชาการด้านนี้ ค่อนข้างกว้าง จึงขอตีกรอบให้แคบลง โดยจะขอกล่าวถึงรายละเอียดเพียงบางส่วนในการจัดตั้ง Router ที่ท่านสามารถนำไปใช้ได้ รู้จักกับ Distance Vector Routing Protocol Distance Vector เป็นโปรโตคอลเลือกเส้นทางที่ Router ใช้เพื่อการสร้างตาราง Routing และจัดการนำแพ็กเก็ต ส่งออก ไปยังเส้นทางที่กำหนด โดย อาศัยข้อมูลเกี่ยวกับระยะทาง เช่น Hop เป็นตัวกำหนดว่า เส้นทางใดเป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ที่จะนำแพ็กเก็ตส่งออกไปที่ปลายทาง โดยถือว่า ระยะทางที่ใกล้ที่สุด เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด และแอดเดรส ของเครือข่ายปลายทางเป็น VectorDistance Vector บางครั้งจะถูกเรียกว่า "Bellman-Ford Algorithm" ซึ่งโปรโตคอลนี้ จะทำให้ Router แต่ละตัว ที่อยู่บนเครือข่ายจะต้องเรียนรู้ลักษณะของ Network Topology โดยการแลกเปลี่ยน Routing Information ของตัวมันเอง กับ Router ที่เชื่อมต่อกันเป็นเพื่อนบ้าน โดยตัว Router เองจะต้องทำการจัดสร้างตารางการเลือกเส้นทางขึ้นมา โดยเอาข้อมูล ข่าวสารที่ได้รับจากเครือข่ายที่เชื่อมต่อกับมันโดยตรง ( ข้อมูลนี้ครอบคลุมไปถึงระยะทางระหว่าง Router ที่เชื่อมต่อกัน)หลักการทำงานได้แก่การที่ Router จะส่งชุด สำเนาที่เป็น Routing Information ชนิดเต็มขั้นของมันไปยัง Router ตัวอื่นๆ ที่เชื่อมต่ออยู่กับมันโดยตรง ด้วยการแลกเปลี่ยน Routing Information กับ Router ตัวอื่นๆ ที่เชื่อมต่อกับมันโดยตรงนี้เอง ทำให้ Router แต่ละตัว จะรู้จักซึ่งกันและกัน หรือรู้เขารู้เรา กระบวนการแลกเปลี่ยนนี้ จะดำเนินต่อไปเป็นห้วงๆ ของเวลาที่แน่นอนDistance Vector Algorithm ค่อนข้างเป็นแบบที่เรียบง่าย อีกทั้งออกแบบเครือข่ายได้ง่ายเช่นกัน ปัญหาหลักของของ Distance Vector Algorithm ได้แก่ การคำนวณเส้นทาง จะซับซ้อนขึ้น เมื่อขนาดของเครือข่ายโตขึ้นตัวอย่างของโปรโตคอลที่ทำงานภายใต้ Distance Vector Algorithm ได้แก่ อาร์ไอพี (RIP) หรือ Routing Information ProtocolLink State RoutingLink State Routing ถูกเรียกว่า "Shortest Path First (SPF)" Algorithm ด้วย Link State Routing นี้ Router แต่ละตัวจะทำการ Broadcast ข้อมูลข่าวสารออกมายัง Router ที่เชื่อมต่อกับมันโดยตรงแบบเป็นระยะๆ ข้อมูลข่าวสารนี้ยังครอบคลุมไป ถึงสถานะของการเชื่อมต่อระหว่างกันด้วยวิธีการของ Link State นี้ Router แต่ละตัวจะทำการสร้างผังที่สมบูรณ์ของเครือข่ายขึ้น จากข้อมูลที่มันได้รับจาก Router อื่นๆทั้งหมด จากนั้นจะนำมาทำการคำนวณเส้นทางจากผังนี้โดยใช้ Algorithm ที่เรียกว่า Dijkstra Shortest Path AlgorithmRouter จะเฝ้าตรวจสอบดูสถานะของการเชื่อมต่ออย่างต่อเนื่อง โดยการแลกเปลี่ยนระหว่างแพ็กเก็ตกับ Router เพื่อนบ้าน แต่หาก Router ไม่ตอบสนองต่อความพยายามที่จะติดต่อด้วย หลายๆครั้ง การเชื่อมต่อก็จะถือว่าตัดขาดลง แต่ถ้าหากสถานะ ของ Router หรือการเชื่อมต่อเกิดการเปลี่ยนแปลง ข้อมูลข่าวสารนี้จะถูก Broadcast ไปยัง Router ทั้งหมดที่อยู่ในเครือข่ายการจัดตั้ง Configure ให้กับวิธี การจัดเลือกเส้นทางแบบ Dynamicในการจัดตั้งค่าสำหรับการเลือกเส้นทาง (Routing) แบบ Dynamic จะมี 2 คำสั่งสำหรับการใช้งาน ได้แก่ คำสั่ง Router และ Network โดยคำสั่ง Router เป็นคำสั่งที่ทำให้เริ่มต้นการเกิดกระบวนการเลือกเส้นทางขึ้น รูปแบบของคำสั่งมีดังนี้Router (config)#router protocol [keyword]ต่อไปนี้เป็นคำอธิบายรายละเอียดของรูปแบบคำสั่งProtocol เป็นโปรโตคอลเลือกเส้นทางแบบใดแบบหนึ่ง ระหว่าง RIP IGRP OSPF หรือ Enhanced IGRPKeyword ตัวอย่าง เช่น เลขหมายของ Autonomous ซึ่งจะถูกนำมาใช้กับโปรโตคอลที่ต้องการระบบ Autonomous ได้แก่ โปรโตคอล IGRP คำสั่ง Network ก็เป็นคำสั่งที่มีความจำเป็นต่อการใช้งานเช่นกัน เนื่องจากมันสามารถกำหนดว่า Interface ใดที่จะเกี่ยวข้องกับการรับหรือส่ง Packet เพื่อการ Update ตารางเลือกเส้นทาง ขณะเกิดกระบวนการเลือกเส้นทางขึ้นคำสั่ง Network จะเป็นคำสั่งที่ทำให้ โปรโตคอลเลือกเส้นทางเริ่มต้นทำงานบน Interface ต่างๆ ของ Router อีกทั้งยังทำให้ Router สามารถโฆษณาประชาสัมพันธ์เครือข่ายที่ตนดูแลอยู่ ได้อีกด้วย รูปแบบของคำสั่งมีดังนี้Router (config-router)#network network- numberNetwork-number ในที่นี้หมายถึง เครือข่ายที่เชื่อมต่อกันโดยตรง และ Network Number จะต้องอยู่ในมาตรฐาน เลขหมาย ของ INTERNIC



2.จงบอกคำสั่งในแต่ละโหมดมาอย่างน้อย 5 คำสั่ง

ตอบ คำสั่งaccess-enable

เป็นการสร้าง Access List entry ชั่วคราว

clear

เป็นการ reset ค่า configure ต่างๆที่ท่านสร้างขึ้นชั่วคราว

connect
ช้เพื่อ เปิด connection กับ terminal

disable

ปิดหรือยกเลิกคำสั่งที่อยู่ใน Privileged mode

enable

เข้าสู่ privileged Exec mode

exit

ออกจากการใช้ User Exec mode

help

ใช้เพื่อแสดงรายการ help

lat

เปิดการเชื่อมต่อกับ LAT (เครือข่าย VAX)

lock

ใช้เพื่อ lock terminal

login

เข้ามาเป็น userlogout

login

exit ออกจาก EXE

Cmrinfo

ใช้เพื่อการร้องขอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ Version และสถานะของ Router เพื่อนบ้านจาก multicast router ตัวหนึ่ง

mstat

แสดงสถิติหลังจากที่ได้ตามรอยเส้นทางแบบ Multicast ของ Router แล้ว

mtrace

ใช้ติดตามดู เส้นทาง Multicast แบบย้อนกลับจาก ปลายทางย้อนกลับมาที่ต้นทาง

name-connection

เป็นการให้ชื่อกับ การเชื่อมต่อของเครือข่ายที่กำลังดำเนินอยู่

pad

เปิดการเชื่อมต่อ X.25 ด้วย X.29 PAD

Ping

ใช้เพื่อทดสอบการเชื่อมต่อ

ppp

ใช้เรียกการเชื่อมต่อแบบ PPP

resumeใช้เพื่อการ กลับเข้าสู่การเชื่อมต่อของเครือข่ายอีกครั้ง

rlogin

เปิดการเชื่อมต่อ remote Login กับ Server ระยะไกล

show

แสดงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการทำงานของ Routerในปัจจุบัน

slip

เริ่มการใช้งาน Slip (serial line protocol)

systat

เป็นการแสดงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ Terminal Line เช่นสถานะของระบบ

telnet

เป็นการเปิด การเชื่อมต่อทาง Telnet

terminal

เป็นการจัดParameter ของ Terminal Line

traceroute

เป็นการใช้ Traceroute เพื่อการติดตามไปดู ระบบที่อยู่ปลายทาง

tunnel

เปิดการเชื่อมต่อแบบ Tunnel

where

แสดงรายการ ของ Link ที่กำลัง Activeในปัจจุบัน



3. Command prompt ในโหมดต่างๆ

ตอบ

Command Mode

Command Mode หลักภายใน Cisco IOS ได้แก่

User Exec Mode

Privileged Exec Mode

Global ConfigurationMode

Interface Configuration

Boot Mode



4. Use exec mode พร้อมรายละเอียด

ตอบ Command Mode หลักภายใน Cisco IOS ได้แก่

User Exec Mode

Privileged Exec Mode

Global Configuration Mode

Interface Configuration

Boot Mode

User Exec Mode

User Exec Mode เป็นโหมดแรกที่ท่านจะต้อง Enter เข้าไป เมื่อRouter เริ่มทำงาน วิธีที่จะรู้ว่าท่านได้เข้าสู่ User Exec Mode จาก Prompt ของ Router ได้แก่ Prompt ที่แสดงบนหน้าจอ ได้แก่ ชื่อของ Router แล้วตามด้วยเครื่องหมาย > เช่น

คำสั่งaccess-enable

เป็นการสร้าง Access List entry ชั่วคราว

clear

เป็นการ reset ค่า configure ต่างๆที่ท่านสร้างขึ้นชั่วคราว

connect

ใช้เพื่อ เปิด connection กับ terminal

disable

ปิดหรือยกเลิกคำสั่งที่อยู่ใน Privileged mode

disconnect

ยกเลิกการเชื่อมต่อใดๆกับ network

enable

เข้าสู่ privileged Exec mode

exit

ออกจากการใช้ User Exec mode

help

ใช้เพื่อแสดงรายการ help

lat

เปิดการเชื่อมต่อกับ LAT (เครือข่าย VAX)

lock

ใช้เพื่อ lock terminal

login

loginเข้ามาเป็น user

logout

exit ออกจาก EXEC

mrinfo

ใช้เพื่อการร้องขอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ Version และสถานะของ Router เพื่อนบ้านจาก multicast router ตัวหนึ่ง

mstat

แสดงสถิติหลังจากที่ได้ตามรอยเส้นทางแบบ Multicastของ Router แล้ว

mtrace

ช้ติดตามดูเส้นทาง Multicast แบบย้อนกลับจาก ปลายทางย้อนกลับมาที่ต้นทาง

name-connection

เป็นการให้ชื่อกับ การเชื่อมต่อของเครือข่ายที่กำลังดำเนินอยู่

pad

เปิดการเชื่อมต่อ X.25 ด้วย X.29 PAD

Pingใช้เพื่อทดสอบการเชื่อมต่อ

pppใช้เรียกการเชื่อมต่อแบบPPP

resume

ใช้เพื่อการ กลับเข้าสู่การเชื่อมต่อของเครือข่ายอีกครั้ง

rloginเปิดการเชื่อมต่อ remote Login กับ Server ระยะไกล

showแสดงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการทำงานของ Router ในปัจจุบัน

slip

เริ่มการใช้งาน Slip (serial line protocol)

systat

เป็นการแสดงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ Terminal Line เช่นสถานะของระบบ

telnet

เป็นการเปิด การเชื่อมต่อทาง Telnet

terminal

เป็นการจัด Parameter ของ Terminal Line

traceroute

เป็นการใช้ Traceroute เพื่อการติดตามไปดู ระบบที่อยู่ปลายทาง

tunnel

เปิดการเชื่อมต่อแบบ Tunnel

where

แสดงรายการ ของ Link ที่กำลัง Active ในปัจจุบัน

5.คำสั่งที่ใช้ตรวจสอบสถานะของRout จงบอกอย่างน้อย 5 คำสั่ง
ตอบ access-enable
เป็นการสร้าง Access List entry ชั่วคราว
clear
เป็นการ reset ค่า configure ต่างๆที่ท่านสร้างขึ้นชั่วคราว
connect
ใช้เพื่อ เปิด connection กับ terminal
disable
ปิดหรือยกเลิกคำสั่งที่อยู่ใน Privileged mode
disconnect
ยกเลิกการเชื่อมต่อใดๆกับ network
enable
เข้าสู่ privileged Exec mode

6. การเลือกเส้นทางแบบ Static คืออะไร
ตอบ การเลือกเส้นทางแบบ Static นี้ การกำหนดเส้นทางการคำนวณเส้นทางทั้งหมด กระทำโดยผู้บริหาจัดการเครือข่าย ค่าที่ถูกป้อนเข้าไปในตารางเลือกเส้นทางนี้มีค่าที่ตายตัว ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นใดๆ บนเครือข่าย จะต้องให้ผู้บริหารจัดการดูแล เครือข่า เข้ามาจัดการทั้งสิ้น อย่างไรก็ดีการใช้ วิธีการทาง Static เช่นนี้ มีประโยชน์เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมดังนี้
-เหมาะสำหรับเครือข่ายที่มีขนาดเล็ก
-เพื่อผลแห่งการรักษาความปลอดภัยข้อมูล เนื่องจากสามารถแน่ใจว่า ข้อมูลข่าวสารจะต้องวิ่งไปบนเส้นทางที่กำหนดไว้ให้ ตายตัว
-ไม่ต้องใช้ Software เลือกเส้นทางใดๆทั้งสิ้น
-ช่วยประหยัดการใช้ แบนวิดท์ของเครือข่ายลงได้มาก เนื่องจากไม่มีปัญหาการ Broadcast หรือแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่าง Router ที่มาจากการใช้โปรโตคอลเลือกเส้นทางการจัดตั้ง Configuration สำหรับการเลือกเส้นทางแบบ Staticเป็นที่ทราบดีแล้วว่า การเลือกเส้นทางแบบ Static เป็นลักษณะการเลือกเส้นทางที่ถูกกำหนดโดยผู้จัดการเครือข่าย เพื่อกำหนดเส้นทางการเดินทางของข้อมูลที่ตายตัว หรือเจาะจงเส้นทางปกติ Router สามารถ Forward Packet ไปข้างหน้า บนเส้นทางที่มันรู้จักเท่านั้น ดังนั้นการกำหนดเส้นทางเดินของแพ็กเก็ตให้กับ Router จึงควรให้ความระมัดระวังวิธีการจัด Configure แบบ Static Route ให้กับ Router Cisco ให้ใส่คำสั่ง ip route ลงไปที่ Global Configuration Mode มีตัวอย่างการใช้คำสั่ง ดังนี้ip route network [ mask ] {address interface} [distance] [permanent]
-Network เครือข่าย หรือ Subnet ปลายทาง
-Mask หมายถึงค่า Subnet mask-Address IP Address ของ Router ใน Hop ต่อไป
-Interface ชื่อของ Interface ที่ใช้เพื่อเข้าถึงที่หมายปลายทาง
-Distance หมายถึง Administrative Distance
-Permanent เป็น Option ถูกใช้เพื่อกำหนด เส้นทางที่ตั้งใจว่าจะไม่มีวันถอดถอนทิ้ง ถึงแม้ว่า จะปิดการใช้งาน Interface ก็ตาม

7. การเลือกเส้นทางแบบ Dynamicคืออะไร
ตอบ dynamic คือ
ประเภทของโปรโตคอลเลือกเส้นทางแบบ Dynamicโปรโตคอลเลือกเส้นทางแบบ Dynamic มีอยู่ หลายรูปแบบ ดังนี้Exterior Gateway Routing ProtocolDistance Vector Routing ProtocolLink State Routing Protocolเนื่องจาก จุดประสงค์ของการเขียนบทความนี้ ก็เพื่อให้ท่านผู้อ่านมีแนวคิดในการจัดตั้งเครือข่ายและอุปกรณ์ Router เพื่อเชื่อมต่อกันระหว่างเครือข่าย และเนื่องจากขอบข่ายของหลักวิชาการด้านนี้ ค่อนข้างกว้าง จึงขอตีกรอบให้แคบลง โดยจะขอกล่าวถึงรายละเอียดเพียงบางส่วนในการจัดตั้ง Router ที่ท่านสามารถนำไปใช้ได้ รู้จักกับ Distance Vector Routing ProtocolDistance Vector เป็นโปรโตคอลเลือกเส้นทางที่ Router ใช้เพื่อการสร้างตาราง Routing และจัดการนำแพ็กเก็ต ส่งออก ไปยังเส้นทางที่กำหนด โดย อาศัยข้อมูลเกี่ยวกับระยะทาง เช่น Hop เป็นตัวกำหนดว่า เส้นทางใดเป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ที่จะนำแพ็กเก็ตส่งออกไปที่ปลายทาง โดยถือว่า ระยะทางที่ใกล้ที่สุด เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด และแอดเดรส ของเครือข่ายปลายทางเป็น VectorDistance Vector บางครั้งจะถูกเรียกว่า "Bellman-Ford Algorithm" ซึ่งโปรโตคอลนี้ จะทำให้ Router แต่ละตัว ที่อยู่บนเครือข่ายจะต้องเรียนรู้ลักษณะของ Network Topology โดยการแลกเปลี่ยน Routing Information ของตัวมันเอง กับ Router ที่เชื่อมต่อกันเป็นเพื่อนบ้าน โดยตัว Router เองจะต้องทำการจัดสร้างตารางการเลือกเส้นทางขึ้นมา โดยเอาข้อมูล ข่าวสารที่ได้รับจากเครือข่ายที่เชื่อมต่อกับมันโดยตรง ( ข้อมูลนี้ครอบคลุมไปถึงระยะทางระหว่าง Router ที่เชื่อมต่อกัน)หลักการทำงานได้แก่การที่ Router จะส่งชุด สำเนาที่เป็น Routing Information ชนิดเต็มขั้นของมันไปยัง Router ตัวอื่นๆ ที่เชื่อมต่ออยู่กับมันโดยตรง ด้วยการแลกเปลี่ยน Routing Information กับ Router ตัวอื่นๆ ที่เชื่อมต่อกับมันโดยตรงนี้เอง ทำให้ Router แต่ละตัว จะรู้จักซึ่งกันและกัน หรือรู้เขารู้เรา กระบวนการแลกเปลี่ยนนี้ จะดำเนินต่อไปเป็นห้วงๆ ของเวลาที่แน่นอนDistance Vector Algorithm ค่อนข้างเป็นแบบที่เรียบง่าย อีกทั้งออกแบบเครือข่ายได้ง่ายเช่นกัน ปัญหาหลักของของ Distance Vector Algorithm ได้แก่ การคำนวณเส้นทาง จะซับซ้อนขึ้น เมื่อขนาดของเครือข่ายโตขึ้นตัวอย่างของโปรโตคอลที่ทำงานภายใต้ Distance Vector Algorithm ได้แก่ อาร์ไอพี (RIP) หรือ Routing Information ProtocolLink State RoutingLink State Routing ถูกเรียกว่า "Shortest Path First (SPF)" Algorithm ด้วยLink State Routing นี้ Router แต่ละตัวจะทำการ Broadcast ข้อมูลข่าวสารออกมายัง Router ที่เชื่อมต่อกับมันโดยตรงแบบเป็นระยะๆ ข้อมูลข่าวสารนี้ยังครอบคลุมไป ถึงสถานะของการเชื่อมต่อระหว่างกันด้วยวิธีการของ Link State นี้ Router แต่ละตัวจะทำการสร้างผังที่สมบูรณ์ของเครือข่ายขึ้น จากข้อมูลที่มันได้รับจาก Router อื่นๆทั้งหมด จากนั้นจะนำมาทำการคำนวณเส้นทางจากผังนี้โดยใช้ Algorithm ที่เรียกว่า Dijkstra Shortest Path AlgorithmRouter จะเฝ้าตรวจสอบดูสถานะของการเชื่อมต่ออย่างต่อเนื่อง โดยการแลกเปลี่ยนระหว่างแพ็กเก็ตกับ Router เพื่อนบ้าน แต่หาก Router ไม่ตอบสนองต่อความพยายามที่จะติดต่อด้วย หลายๆครั้ง การเชื่อมต่อก็จะถือว่าตัดขาดลง แต่ถ้าหากสถานะ ของ Router หรือการเชื่อมต่อเกิดการเปลี่ยนแปลง ข้อมูลข่าวสารนี้จะถูก Broadcast ไปยัง Router ทั้งหมดที่อยู่ในเครือข่ายการจัดตั้ง Configure ให้กับวิธี การจัดเลือกเส้นทางแบบ Dynamicในการจัดตั้งค่าสำหรับการเลือกเส้นทาง (Routing) แบบ Dynamic จะมี 2 คำสั่งสำหรับการใช้งาน ได้แก่ คำสั่ง Router และ Network โดยคำสั่ง Router เป็นคำสั่งที่ทำให้เริ่มต้นการเกิดกระบวนการเลือกเส้นทางขึ้น รูปแบบของคำสั่งมีดังนี้Router (config)#router protocol [keyword]ต่อไปนี้เป็นคำอธิบายรายละเอียดของรูปแบบคำสั่งProtocol เป็นโปรโตคอลเลือกเส้นทางแบบใดแบบหนึ่ง ระหว่าง RIP IGRP OSPF หรือ Enhanced IGRPKeyword ตัวอย่าง เช่น เลขหมายของ Autonomous ซึ่งจะถูกนำมาใช้กับโปรโตคอลที่ต้องการระบบ Autonomous ได้แก่ โปรโตคอล IGRPคำสั่ง Network ก็เป็นคำสั่งที่มีความจำเป็นต่อการใช้งานเช่นกัน เนื่องจากมันสามารถกำหนดว่า Interface ใดที่จะเกี่ยวข้องกับการรับหรือส่ง Packet เพื่อการ Update ตารางเลือกเส้นทาง ขณะเกิดกระบวนการเลือกเส้นทางขึ้นคำสั่ง Network จะเป็นคำสั่งที่ทำให้ โปรโตคอลเลือกเส้นทางเริ่มต้นทำงานบน Interface ต่างๆ ของ Router อีกทั้งยังทำให้ Router สามารถโฆษณาประชาสัมพันธ์เครือข่ายที่ตนดูแลอยู่ ได้อีกด้วย รูปแบบของคำสั่งมีดังนี้Router (config-router)#network network- numberNetwork-number ในที่นี้หมายถึง เครือข่ายที่เชื่อมต่อกันโดยตรง และ Network Number จะต้องอยู่ในมาตรฐาน เลขหมาย ของ INTERNIC

8. Protocal ที่เลือกเส้นทางแบบ dynamic มีอะไรบ้าง
ตอบ โปรโตคอลเลือกเส้นทางแบบ Dynamic มีอยู่ หลายรูปแบบ ดังนี้
1. Interior Gateway Routing Protocol
2.Exterior Gateway Routing Protocol
3. Distance Vector Routing Protocol
4. Link State Routing ProtocolInterior เป็น Protocol ที่ใช้แลกเปลี่ยนฐานความรู้ระหว่าง Roter ภายในองค์กรเดียวกัน ซึ่งได้แก่ RIP , IGRP ,EIGRP และ OSPF Exterior เป็น Protocol ที่ใช้แลกเปลี่ยนฐานความรู้ต่างองค์กรกันหรือความน่าเชื่อถือต่างกัน ซึ่งได้แก่ BGP, EGP Distance Vector เป็นโปรโตคอลเลือกเส้นทางที่ Router ใช้เพื่อการสร้างตาราง Routing และจัดการนำแพ็กเก็ตส่งออกไปยังเส้นทางที่กำหนด โดย อาศัยข้อมูลเกี่ยวกับระยะทาง เช่น Hop เป็นตัวกำหนดว่า เส้นทางใดเป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ที่จะนำแพ็กเก็ตส่งออกไปที่ปลายทาง โดยถือว่า ระยะทางที่ใกล้ที่สุด เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด และแอดเดรส ของเครือข่ายปลายทางเป็น VectorLink State Routing ถูกเรียกว่า "Shortest Path First (SPF)" Algorithm ด้วย Link State Routing นี้ Router แต่ละตัวจะทำการ Broadcast ข้อมูลข่าวสารออกมายัง Router ที่เชื่อมต่อกับมันโดยตรงแบบเป็นระยะๆ ข้อมูลข่าวสารนี้ยังครอบคลุมไปถึงสถานะของการเชื่อมต่อระหว่างกันRouting Protocols (เส้นทางการเชื่อมต่อ)Exterior routing Protocol (EGP) เป็นโปรโตคอล สำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลของ router ระหว่าง 2 เครือข่ายของ gateway host ในระบบเครือข่ายแบบอัตโนมัติ ซึ่ง EGP มีการใช้โดยทั่วไป ระหว่าง host บนอินเตอร์เน็ต เพื่อแลกเปลี่ยนสารสนเทศของตาราง routing โดยตาราง routing ประกอบด้วยรายการ router ตำแหน่งที่ตั้ง และเมทริกของค่าใช้จ่ายของแต่ละ router เพื่อทำให้สามารถเลือกเส้นทางที่ดีที่สุด กลุ่มของ router แต่ละกลุ่มจะใช้เวลาภายใน 120 วินาที ถึง 480 วินาที ในการส่งข้อมูลส่งตาราง routing ทั้งหมดไปยังเครือข่ายอื่น ซึ่ง EGP -2 เป็นเวอร์ชันล่าสุดของ EGP Border Gateway Protocol (BGP) เป็นโปรโตคอลสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลของเส้นทางระหว่าง gateway host (ซึ่งแต่ละที่จะมี router ของตัวเอง) ในเครือข่ายแบบอัตโนมัติ BGP มักจะได้รับการใช้ระหว่าง gateway host บนระบบอินเตอร์เน็ต ตาราง routing ประกอบด้วยรายการของ router ตำแหน่งและตารางค่าใช้จ่าย (cost metric) ของเส้นทางไปยังrouterแต่ละตัวเพื่อการเลือกเส้นทางที่ดีที่สุด host ที่ใช้การติดต่อด้วยประเภทของ Routing ภายใน Network ที่เชื่อมต่อกับเนตเวิคโดยตรงRouting Information Protocol (RIP) เป็นโปรโตคอลที่ใช้อย่างกว้างขวาง สำหรับการจัดการสารสนเทศของ router ภายในเครือข่าย เช่น เครือข่าย LAN ของบริษัท หรือการติดต่อภายในกลุ่ม ของเครือข่าย RIP ได้รับการจัดชั้นโดย Internet Engineering Task Force (IETF) ให้เป็นหนึ่งในโปรโตคอลของInternet Gateway Protocol (หรือ InteriorGatewayProtocol)Open Shortest Path First (OSPF) ถือเป็น เร้าติ้งโปรโตคอล (Routing Protocol) ตัวหนึ่งที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุดในระบบเน็ตเวิร์ก เนื่องจากมีจุดเด่นในหลายด้าน เช่น การที่ตัวมันเป็น Routing Protocol แบบ Link State, การที่มีอัลกอรึทึมในการค้นหาเส้นทางด้วยตัวเอง ซึ่งเปรียบเสมือนว่า ตัวของ เราเตอร์ที่รัน OSPF ทุกตัวเป็นรูท (Root) หรือ จุดเริ่มต้นของระบบไปยังกิ่งย่อยๆ หรือโหนด (Node) ต่างๆ ซึ่งเป็นเทคนิคในการลดเส้นทางที่วนลูป (Routing Loop) ของการ Routing ได้เป็นอย่างดีEnhance Interior Gateway Routing Protocol (EIGRP) นั้นถือได้ว่าเป็น เราติ้งโปรโตคอลที่มีความรวดเร็วสูงสุดของซิสโก้ในการค้นหาเส้นทางภายใน Intra-AS (Interior Routing Protocol: เราติ้งโปรโตคอลภายใน Autonomous System) ซึ่ง ในเราติ้งโปรโตคอลแบบ EIGRP นี้ จะเป็นการนำเอาข้อดีของการเราติ้งแบบ Distance Vector และ Link State มาผสมผสานกัน (ในหนังสือบางเล่มจะเรียก เราติ้งโปรโตคอลแบบนี้ว่า “Hybrid” (ลูกผสม) หรือ Advanced Distance Vector)

9. อธิบาย Protocal Distance Vector ให้เข้าใจ
ตอบ ลักษณะที่สำคัญของการติดต่อแบบ Distance-vector คือ ในแต่ละ Router จะมีข้อมูล routing table เอาไว้พิจารณาเส้นทางการส่งข้อมูล โดยพิจารณาจากระยะทางที่ข้อมูลจะไปถึงปลายทางเป็นหลัก จากรูป Router A จะทราบว่าถ้าต้องการส่งข้อมูลข้ามเครือข่ายไปยังเครื่องที่อยู่ใน Network B แล้วนั้น ข้อมูลจะข้าม Router ไป 1 ครั้ง หรือเรียกว่า 1 hop ในขณะที่ส่งข้อมูลไปยังเครื่องใน Network C ข้อมูลจะต้องข้ามเครือข่ายผ่าน Router A ไปยัง Router B เสียก่อน ทำให้การเดินทางของข้อมูลผ่านเป็น 2 hop อย่างไรก็ตามที่ Router B จะมองเห็น Network B และ Network C อยู่ห่างออกไปโดยการส่งข้อมูล 1 hop และ Network A เป็น2 hop ดังนั้น Router A และ Router B จะมองเห็นภาพของเครือข่ายที่เชื่อมต่ออยู่แตกต่างกันเป็นตารางข้อมูล routing table ของตนเอง จากรูปการส่งข้อมูลตามลักษณะของ Distance-vector routing protocol จะเลือกหาเส้นทางที่ดีที่สุดและมีการคำนวณตาม routing algorithm เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมา ซึ่งมักจะเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดและมีจำนวน hop น้อยกว่า โดยอุปกรณ์ Router ที่เชื่อมต่อกันมักจะมีการปรับปรุงข้อมูลใน routing table อยู่เป็นระยะๆ ด้วยการ Broadcast ข้อมูลทั้งหมดใน routing table ไปในเครือข่ายตามระยะเวลาที่ตั้งเอาไว้การใช้งานแบบ Distance-vector เหมาะกับเครือข่ายที่มีขนาดไม่ใหญ่มากและมีการเชื่อมต่อที่ไม่ซับซ้อนเกินไป ตัวอย่างโปรโตคอลที่ทำงานเป็นแบบ Distance-vector ได้แก่ โปรโตคอล RIP (Routing Information Protocol) และโปรโตคอล IGRP (Interior Gateway Routing Protocol) เป็นต้น

10. Protocol BGP คืออะไรมีหลักการทำงานอย่างไร
ตอบ Border Gateway Protocol (BGP) เป็นโปรโตคอลสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลของเส้นทางระหว่าง gateway host (ซึ่งแต่ละที่จะมี router ของตัวเอง) ในเครือข่ายแบบอัตโนมัติ BGP มักจะได้รับการใช้ระหว่าง gateway host บนระบบอินเตอร์เน็ต ตาราง routing ประกอบด้วยรายการของ router ตำแหน่งและตารางค่าใช้จ่าย (cost metric) ของเส้นทางไปยัง router แต่ละตัว เพื่อการเลือกเส้นทางที่ดีที่สุด host ที่ใช้การติดต่อด้วย BGP จะใช้ Transmission Control Protocol (TCP) และส่งข้อมูลที่ปรับปรุงแล้วของตาราง router เฉพาะ host ที่พบว่ามีการเปลี่ยนแปลง จึงมีผลเฉพาะส่วนของตาราง router ที่ส่ง BGP-4 เป็นเวอร์ชันล่าสุด ซึ่งให้ผู้บริหารระบบทำการคอนฟิก cost metric ตามนโยบาย การติดต่อด้วย BGP ของระบบ แบบอัตโนมัติที่ใช้ Internet BGP (IBGP) จะทำงานได้ไม่ดีกับ IGP เนื่องจาก router ภายในระบบอัตโนมัติต้องใช้ตาราง routing 2 ตาราง คือ ตารางของ IGP (Internet gateway protocol) และตารางของ IBGP BGP เป็นโปรโตคอลที่ทันสมัยกว่า Exterior Gateway Protocol

11. สายใยแก้วนำแสงมีกี่ชนิด
ตอบ 2ชนิดคือ 1.เส้นใยแก้วนำแสงโหมดเดียว ( Single Mode Fiber ) 2. เส้นสันใยแก้วนำแสงหลายโหมด ( Multimode Fiber )

12. สัญญาณแก้วใยแก้วนำแสงต่างๆ
ตอบ อนาล็อกกับดิจิตอล

13. จงบอกข้อดีของเส้นใยแก้วนำแสง
ตอบ
1. มีน้ำหนักเบาและไม่เป็นสนิม ซึ่งเหมาะมากสำหรับใช้งานในยานอวกาศ และรถยนต์
2. เส้นใยแสง 1 เส้น สามารถที่จะมีช่องสัญญาณเสียงได้มากเท่ากับ 1500 คู่สาย
3. ความห่างของตัวขยายสัญญาณสำหรับเส้นใยแสงมีค่าตั้งแต่ 35 ถึง 80 กิโลเมตร ซึ่งตรงข้ามกับสายธรรมดา ซึ่งมีค่าตั้งแต่ 1 ถึงแค่ 1.5 กิโลเมตรเท่านั้น4. เส้นใยแสงจะไม่มีการรบกวนจากฟ้าแลบ และการแผ่รังสีของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

14. ขนาดของ core และ cladding ในเส้นใยแก้วนำแสงแต่ละชนิด
ตอบ แท่งควอร์ต ซึ่งผ่านกระบวนการ Modefied Chemical Vapor Deposition (MCVD) แล้วจะถูกวางในแนวตั้งในหอดึง (Drawing Tower) ซึ่งจะถูกให้ความร้อนต่ออีก (2200 F) และถูกดึงลงด้านล่าง โดยหลักการของการหลอมเหลวควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ และขบวนการการดึง เพื่อจะทำให้เส้นใยแสงคุณภาพสูง มีความยาวประมาณ 6.25 กิโลเมตร และเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 125 ไมโครเมตร ศูนย์กลางซึ่งถูกเรียกว่า แกน หรือ CORE (เส้นผ่าศูนย์กลาง 8 ไมโครเมตร) จะถูกล้อมรอบด้วยควอร์ตที่บริสุทธิ์น้อยกว่า ซึ่งถูกเรียกว่า ชั้นคลุม หรือ cladding (ขอบเขตประมาณ 117 ไมโครเมตร

15. การเชื่อมต่อดดยวิธีการหลอมรวม ทำได้โดยวิธีใด
ตอบ การเชื่อมต่อแบบหลอมรวม เป็นการเชื่อมต่อ Fiber Optic สองเส้นเข้าด้วยกัน โดยการให้ความร้อนที่ปลายของเส้น Fiber Optic จากนั้นปลายเส้น Fiber Optic จะถูกดันออกมาเชื่อมต่อกัน การเชื่อมต่อกันในลักษณะนี้ เป็นการเชื่อมต่อโดยถาวร จนทำให้ดูเหมือนรวมเป็นเส้นเดียวกัน การสูญเสียจากการเชื่อมต่อในลักษณะนี้ จะทำให้มีความสูญเสีย ประมาณ 0.01 - 0.2 dB ในขั้นตอนการเชื่อมต่อนี้ ความร้อนที่ทำให้ปลายเส้น Fiber Optic อ่อนตัวลงด้วยประกายไฟที่เกิดจากการ Arc ระหว่างขั้ว Electrode ขณะทำการ หลอมรวม ซึ่งจะยังผลให้การเชื่อมต่อของ Fiber Optic



วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ออกข้อสอบเรื่องเราต์เตอร์

ปรนัย 10 ข้อ
1.ในอินเทอร์เน็ตมักเรียกเราเตอร์ว่า ไอพีเราเตอร์ (IP router)
ก.ไอพีเราเตอร์ (IP router)
ข.พีซีเราเตอร์
ค.ดีอีเราเตอร์
ง.อีอีเราเตอร์

2.ไอพี เราเตอร์ ทำหน้าที่?
ก.เป็นจุดกำเนิดเครือข่าย
ข.ควบคุมระบบทั้งหมด
ค.ทำหน้าที่เลือกเส้นทางโดยสร้างแผนที่เครือข่ายและเก็บอยู่ในรูปตารางเส้นทาง เมื่อเราเตอร์ได้รับแพ็กเก็ตก็จะตรวจสอบแอดเดรสปลายทางและส่งแพ็กเก็ตไปยัง อินเทอร์เฟสที่เป็นช่องทางไปสู่เครือข่ายปลายทาง
ง.ควบคุมการ์ดจอ

3.อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่คัดแยกแพ็กเก็ต หรือเรียกว่า ?.
ก.สวิตช์แพ็กเก็ต
ข.ดาต้าร์แพ็กเก็ต
ค.เฟชแพ็กเก็ต
ง.แพ็กเก็ต

4.เราเตอร์ (Router) เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานในระดับชั้นใด
ก.ระดับกลาง
ข.ระดับแรก
ค.ทุกระดับชั้น
ง.ระดับชั้นเน็ตเวิร์ก

5.คุณลักษณะของโครงสร้างเราเตอร์ ที่กระตุ้นให้เกิดระบบเครือข่ายไอพีรุ่นต่อไป มีดัง นี้ ยกเว้นขอใด
ก.ประมวลผลแบบคู่ขนานปริมาณมหาศาล
ข.ตรวจเช็คสภาพข้อมูลแต่ละระยะได้
ค.ประมวล ผลแบบกระจาย
ง.ควบคุมไวรัส

6.ผลิตภัณฑ์เราเตอร์ในตระกูล ใดถือเป็นเราเตอร์ตัวแรกในอุตสาหกรรม ที่สามารถรองรับบริการด้านข้อมูล เสียง และวิดีโอภายใต้ระบบรักษาความปลอดภัย
ก. Cisco 3800, Cisco 2800 และ Cisco 3800
ข.MRS
ค. Cisco 1800 Series
ง. Cisco 1820Series

7.เราเตอร์แบบรุ่นใดเป็นเราเตอร์ครบวงจร.
ก.Cisco 1800 Series
ข.Cisco 3800
ค.Cisco 2802
ง.Cisco 2803

8.แอดเดรสที่ใช้ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ใช้รหัสตัวเลขกี่บิต
ก.24 บิต
ข.32 บิต
ค.38 บิต
ง.64 บิต

9. เราเตอร์จะช่วยให้เครื่องคอมพิวเตอร์ต่างๆ สามารถสื่อสารกันได้ หรือไม่
ก.ไม่ได้
ข.ได้
ค.อาจจะได้
ง.ไม่มีข้อถูก

10.เราเตอร์ เรียกอีกอย่างว่า?
ก.รูตเตอร์
ข.รูเตอร์
ค.คูเปอร์
ง.แร็คเตอร์

วันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

การเข้าสาย LAN




การเข้าสาย LAN


การเข้าหัวสาย UTP นั้นมีอยู่สองมาตรฐานที่ได้กำหนดไว้คือ TIA/EIA 568A และ 568B ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับการเรียงลำดับสายจะแสดงดังตารางและรูปด้านล่าง




การทำสายแพทช์คอร์ดหรือสายที่เชื่อมระหว่างฮับกับคอมพิวเตอร์นั้น ปลายทางทั้งสองข้างจะต้องเข้าตามมาตรฐาน TIA/EIA 568B ส่วนสายครอสโอเวอร์หรือสายที่เชื่อมระหว่างฮับกับฮับหรือคอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์นั้น ปลายสายด้านหนึ่งต้องเข้าแบบ TIA/EIA 568A ส่วนปลายสายอีกด้านหนึ่งต้องเข้าแบบ TIA/EIA 568B

วันพุธที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

เรียนวันพุธที่ 25 มิถุนายน 2551

ข้อสอบเรื่องเครือข่ายอีเทอร์เน็ต หรือ IEEE 802.3
1 .อีเทอร์เน็ตถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัทใด
ก.Xeoxr
ข.Xexor
ค.Xerox
ง.Xeorx
เฉลย ค.
2. อีเทอร์เน็ตได้พัฒนามาจากรากฐานบนเครือข่ายแบบใด
ก. Packet
ข. Radio
ค. Packet Radio
ง. Bus
เฉลย ค.
3. อีเทอร์เน็ตมีความเร็วในการถ่ายข้อมูลครั้งแรกกี่เมกกะบิตต่อวินาที
ก. 1 เมกะบิตต่อวินาที
ข. 2 เมกะบิตต่อวินาที
ค. 3 เมกะบิตต่อวินาที
ง. 4 เมกะบิตต่อวินาที
เฉลย ค.
4. การนำเสนอข้อมูลออกเป็นส่วนๆเรียกว่าอะไร
ก. แพกกิ้ง
ข. แพกก้า
ค. แพกเก็ต
ง. แพกเกต
เฉลย ง.
5. อีเทอร์เน็ตใช้วิธีการส่งสัณญาณแบบใด
ก. เบสแบนด์
ข บอยแบนด์
ค. เบิร์นแบนด์
ง.แบนด์
เฉลย ก
6. ฟาส์ตอีเทอรร์เน็ตเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าอะไร
ก. อีเทอร์เน็ตความเร็วต่ำ
ข.อีเทอร์เน็ตความเร็วสูง
ค. อีเทอร์เน็ตความเร็วช้า
ง.อีเทอร์เน็ตความเร็วปกติ
เฉลย ข
7. ฟาสต์อีเทอร์เน็ตได้ถูกออกแบบมาเพื่อติดตั้งเครือข่ายในรูปแบบใด
ก. ดาว
ข. วงแหวน
ค. กระจาย
ง. ต่อเนื่อง
เฉลย ก
8. เฟรมอีเทอร์เน็ตขนาดเล็กสุดจะมีความจุที่กี่ไบต์
ก. 72
ข. 75
ค. 85
ง. 82
เฉลย ก
9. ฟาส์ตอีเทอเน็ตไม่สนับสนุนในการเชื่อมต่อแบบใด
ก. วงแหวน
ข.ดาว
ค.แพกเกต
ง. บัส
เฉลย ง
10. อีเทอร์เน็ตความเร็วสูงแตกต่างจากอีเทอร์เน็ตอย่างไร
ก. การรับส่งข้อมูล
ข. สายCAT5e
ค. การ์ดเครือข่าย
ง. สายUTP
เฉลย ค.

ข้อสอบปรนัยคำสั่งตรวจซ่อม
1. คำสั่ง Ping ใช้ในการตรวจสอบอะไร
ก. ค่าต่างๆในตัวเครื่อง
ข.ดูหมายเลขในตัวเครื่อง
ค. ตรวจสอบการเชื่อมต่อ
ง. ตรวจสอบการเดินทางปขั้วปลายทาง
เฉลย ค
2. คำสั่ง ipconfig ในการตรวจสอบอะไร
ก. ค่าต่างๆในตัวเครื่อง
ข.ดูหมายเลขในตัวเครื่อง
ค. ตรวจสอบการเชื่อมต่อ
ง. ตรวจสอบการเดินทางปขั้วปลายทาง
เฉลย ก
3. คำสั่ง ART ใช้ในการตรวจสอบอะไร
ก. ค่าต่างๆในตัวเครื่อง
ข.ดูหมายเลขในตัวเครื่อง
ค. ตรวจสอบการเชื่อมต่อ
ง. ตรวจสอบการเดินทางปขั้วปลายทาง
เฉลย ข
4. คำสั่ง nslooknp
ก. ค่าต่างๆในตัวเครื่อง
ข.ดูหมายเลขในตัวเครื่อง
ค. ตรวจสอบการเชื่อมต่อ
ง. ตรวจสอบการเดินทางปขั้วปลายทาง
เฉลย ง
5. วิธีใช้คำสั่ง Ping มีวิธีการแบบใด
ก. start --- Run ---ms-Dos Promp
tข. start---Programs---ms-Dos prompt
ค. Start---program---Run
ง. start---shutdown---ok
เฉลย ข
6. ถ้าต้องการตรวจสอบ Option ของ Ping ควรใช้คำสั่งแบบใด
ก. Ping ?
ข. Ping /?
ค. Ping/=
ง.Ping
เฉลย ข
7. วิธีการตรวจสอบคำสั่ง Ping ใช้โปรแกรมใด
ก.shert
ข. Dos
ค. Run
ง. controipanal
เฉลย ค
8. คำสั่ง neststat ใช้ในการตรวจสอบอะไร
ก. ค่าต่างๆในตัวเครื่อง
ข.ดูหมายเลขในตัวเครื่อง
ค. ดูแลสถิติในระบบ
ง.ตรวจสอบขั้วปลายทาง
เฉลย ค
9. คำสั่งอื่นๆที่น่าสนใจคือคำสั่งอะไร
ก. Cast
ข. grat
ค. ipconfig/all
ง.Ping /?
เฉลย ค
10. คำสั่งในการตรวจซ่อมทั้งหมดมีกี่คำสั่ง
ก. 5
ข. 6
ค. 7
ง. 8
เฉลย ค

วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

post ข่าว

เขาพระวิหารเป็นมรดกโลกแล้ว! ยูเนสโกชี้ขาดคำขอขึ้นทะเบียน

โดย คม ชัด ลึก
วัน อังคาร ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 00:00 น.


คณะกรรมการมรดกโลกประกาศให้ปราสาทพระวิหารของกัมพูชาเป็นมรดกโลกพร้อมตั้งกรรมการจาก 7 ปท. รวมทั้งไทย บริหารจัดการร่วมกับกัมพูชา สารพัดม็อบกดดัน"นพดล" รับผิดชอบ ศาล รธน.ชี้ขาดแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา เข้าข่าย ม.190 หรือไม่ 8 ก.ค. ด้าน ผบ.สส.อัดด่วนสรุปกรณีต่างชาติหนุนเขมรเพราะไทยปฏิวัติ
ในที่สุดที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยที่ 32 ที่เมืองควิเบกประเทศแคนาดา ประกาศให้ปราสาทพระวิหารของประเทศกัมพูชาเป็นมรดกโลกแล้ว โดยเมื่อเวลา 23.09 น. สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า คณะกรรมการพิจารณามรดกโลกขององค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ(ยูเนสโก) ได้ประกาศให้ปราสาทพระวิหารของกัมพูชาอายุนับพันปีเป็นมรดกโลก พร้อมกับเมืองเมลากา และเมืองจอร์จ ทาวน์ เมืองที่อยู่ติดช่องแคบมะละกาในมาเลเซีย และเขตเกษตรกรรมคุก เออร์ลีในปาปัวนิวกีนี ซึ่งนับเป็นพื้นที่แรกของประเทศที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก กรรมการมรดกโลกหนุนกัมพูชา นายปองพล อดิเรกสาร ประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ให้สัมภาษณ์จากเมืองควิเบกว่า คณะกรรมการมรดกโลก 21 ประเทศมีเสียงส่วนใหญ่เห็นว่าควรขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารตามที่กัมพูชาเสนอ เพราะเข้าหลักเกณฑ์ 1 ใน3 ข้อสำหรับทางออกของไทย คณะกรรมการมรดกโลกจะตั้งคณะกรรมการจาก 7 ประเทศโดยมีไทยร่วมด้วย เข้ามาบริหารจัดการร่วมกับกัมพูชา ส่วนการพัฒนาพื้นที่พิพาทนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการมรดกโลก เพราะว่าการขึ้นทะเบียนทำเฉพาะแค่องค์ปราสาทเท่านั้น "การพิจารณาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร จากเดิมถูกจัดเป็นวาระพิจารณาลำดับที่ 4 แต่ได้เลื่อนเป็นลำดับท้ายสุดเพื่อให้ไทยและกัมพูชาได้มีเวลาหารือกันโดยไทยยังยืนยันในการขอเลื่อนการพิจารณาตามที่นายนพดลได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบ และประเด็นที่สองไทยยังยืนยันที่จะเสนอให้ขึ้นทะเบียนร่วมกัน เพื่อทำให้ความเป็นมรดกโลกสมบูรณ์ยิ่งขึ้น คณะกรรมการมรดกโลกได้ให้น้ำหนักกับคำชี้แจงของฝ่ายไทย จากก่อนหน้านี้มีการแจกเอกสารแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา แต่เมื่อมีการแจ้งเรื่องคำสั่งของศาลปกครองกลาง ก็มีการเรียกเก็บเอกสารดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนขึ้น โดยคณะกรรมการมรดกโลกใช้รายงานของสภาการโบราณสถานระหว่างประเทศ หรืออิโคโมส ในการพิจารณา ซึ่งการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจะต้องผ่านการพิจารณา 1 ใน6 ข้อที่กำหนดไว้และกัมพูชาได้ผ่านหลักเกณฑ์ข้อ 1 แล้วโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาความร่วมมือจากไทย" นายปองพลกล่าว นายปองพลกล่าวต่อว่าคณะกรรมการมรดกโลกยังเสนอทางออกให้แก่ไทย โดยให้เสนออุทยานปราสาทพระวิหารและพื้นที่ป่าสมบูรณ์เทือกเขาพนมดงรักซึ่งอยู่ในเขตไทยและให้สำรวจจัดทำข้อมูลแหล่งโบราณสถานในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อขอเสนอเป็นมรดกโลกให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตามที่ไทยส่งหนังสือการคุ้มครองชั่วคราวของศาลปกครองให้คณะกรรมการมรดกโลกได้พิจารณา ซึ่งที่ประชุมแจ้งว่า ได้รับทราบ แต่การจะให้เลื่อนการพิจารณาปราสาทพระวิหารออกไปคงไม่ได้ เพราะได้เลื่อนมาครั้งหนึ่งแล้ว นายปองพลกล่าวอีกว่าในการประชุมครั้งนี้มีกลุ่มคนไทยในแคนาดามาชูป้ายประท้วงนายนพดล กรณีกระทำไม่เหมาะสมเรื่องปราสาทพระวิหารด้วยโดยไม่ได้มีการยื่นหนังสือแต่อย่างใด ชี้รมว.ต่างประเทศต้องรับผิดชอบ ม.ล.วัลย์วิภาจรูญโรจน์ นักวิจัยสถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ในฐานะกลุ่มประชาชนไทย กล่าวว่า หากคณะกรรมการมรดกโลกมีมติขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารให้กัมพูชา ก็จะต้องมีการเคลื่อนไหวต่อให้รัฐบาลยกเลิกแถลงการณ์ร่วมที่นายนพดลทำไว้กับกัมพูชา เพราะหากไม่ยกเลิกแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว จะมีผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างแน่นอน โดยจะกระทบพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหารที่เป็นฝั่งไทย แม้จะขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทก็ตาม ม.ล.วัลย์วิภากล่าวว่ารัฐบาลต้องเร่งพิจารณาอย่างรวดเร็วแล้วว่าจะยกเลิกอย่างไร โดยเฉพาะนายนพดลและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งกรมแผนที่ทหารที่เข้าไปแถลงรับรอง ก็ต้องร่วมรับผิดชอบ ส่วนยูเนสโกที่ไม่มีหนังสือตอบภาคประชาชนที่ยื่นเรื่องคัดค้าน แสดงเห็นว่ายูเนสโกเพิกเฉยต่อความคิดเห็นของประชาชนชาวไทยซึ่งน่าตำหนิมาก ด้านนพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า หากคณะกรรมการมรดกโลกมีมติขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารโดยกัมพูชาฝ่ายเดียว สิ่งที่จะเคลื่อนไหวในส่วนของนักวิชาการและภาคประชาชนจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.ต้องดำเนินการในทางระหว่างประเทศ ซึ่งมีหลายช่องทางที่จะทำหนังสือไปสอบถามเหตุผลว่า การขึ้นทะเบียนปราสาทอย่างเดียวถือว่าไม่สมบูรณ์ จึงต้องการเหตุผลจากคณะกรรมการมรดกโลก และ 2.ในส่วนการเคลื่อนไหวในประเทศ เรื่องแถลงการณ์ร่วม ต้องทำให้ไม่มีผล ถ้ามีผลให้เสียดินแดน ครม.และนายนพดลต้องรับผิดชอบ
ศาลรธน.ชี้ขาด ม.190 วันที่ 8 ก.ค. วันเดียวกันคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่มีนายชัช ชลวร เป็นประธาน มีการพิจารณาคำร้องที่ประธานวุฒิสภาส่งความเห็นของ ส.ว. 77 คนและคำร้องของประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ส่งความเห็นของ ส.ส. 151 คนเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ว่าคำแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาลงวันที่ 18 มิถุนายน 2551 เป็นหนังสือสนธิสัญญาตามรัฐธรรมนูญมาตรา190 วรรคสองซึ่งต้องรับความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อนหรือไม่ นายไพบูลย์วราหะไพฑูรย์ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แถลงว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาคือ นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศเข้าชี้แจงด้วยตนเอง และเสนอเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็มีการอภิปรายและนัดอภิปรายด้วยวาจา เพื่อนำไปสู่การลงมติในวันที่ 8 กรกฎาคมนี้เวลา 08.30 น. ทั้งนี้ การพิจารณาของคณะตุลาการฯ เป็นการวินิจฉัยภายในกรอบอำนาจตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่ให้ไว้ ไม่ได้มีการนำปัจจัยอื่น เช่น เรื่องที่คณะกรรมการมรดกโลกกำลังพิจารณาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารมาร่วมพิจารณาด้วย ส่วนที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวพาดพิงถึงสถาบันตุลาการนั้น นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครอง กล่าวว่า ไม่ขอพูดอะไรในเรื่องนี้ ถึงเวลาค่อยพูด เพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะตอบโต้กัน จะเป็นการละเมิดศาลหรือไม่ต้องพิจารณา ส่วนจุดยืนต่อสถานการณ์ทางการเมืองนั้น คือ ศาลต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพราะศาลอยากให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย ม็อบบุกบ้าน นพดล หวิดวางมวย เมื่อเวลา10.30 น. วันที่ 7 กรกฎาคม กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.นครราชสีมา กว่า 200 คน นำโดยนายอิทธิ ขวัญอุดมพร ได้เดินทางด้วยรถกระบะ 9 คัน และรถบรรทุกหกล้อ 1 คัน ไปยังบ้านเลขที่ 79 หมู่ 3 บ้านแฝก ต.สามเมือง อ.สีดา จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านของนายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และปัจจุบันบ้านหลังดังกล่าวมีนางสำเนียง ปัทมะ พี่สาวของนายนพดลอาศัยอยู่ ทันทีที่กลุ่มพันธมิตรลงจากรถ ก็นำป้ายข้อความโจมตีนายนพดลออกมาเพื่อประท้วง ทันใดนั้น นายสุนทร ปะวะขัง กำนันตำบลสามเมือง ได้ประกาศผ่านหอกระจายข่าวเรียกชาวบ้านในหมู่บ้านและหมู่บ้านใกล้เคียงออกมาต่อต้าน และขับไล่กลุ่มพันธมิตรออกไป ทำให้ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน จากนั้นชาวบ้านทยอยมารวมตัวกันประมาณ300 คน ส่วนกลุ่มพันธมิตรมีประมาณ 200 คน มีการตะโกนต่อว่ากันไปมา โดยกลุ่มชาวบ้านยื่นคำขาดว่าภายในเวลา 30 นาที ให้กลุ่มพันธมิตรออกจากหมู่บ้านไป ถ้าไม่เช่นนั้นจะไม่รับรองความปลอดภัย ต่อมาตำรวจ สภ.สีดา และปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สามเมือง ได้เข้ามาห้ามและเกลี้ยกล่อมให้กลุ่มพันธมิตรออกจากหมู่บ้านไปก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลาย เพราะมีชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านกำลังเดินทางรวมตัวที่บริเวณดังกล่าวมากขึ้น แต่กลุ่มพันธมิตรพยายามจะฝ่าวงล้อมของประชาชนไปยังบ้านนายนพดลให้ได้ จึงทำให้เกิดการชุลมุน ยื้อยุดผลักกันไปมา นายอิทธิเห็นท่าไม่ดีจึงพากลุ่มพันธมิตรขึ้นรถถอยออกจากหมู่บ้านไปตั้งหลักอยู่ที่ทำการ อบต.สามเมือง แต่กลุ่มชาวบ้านส่วนหนึ่งได้ขับรถยนต์บรรทุกชาวบ้านตามไปไล่ กลุ่มพันธมิตรจึงหนีไปอย่างรวดเร็ว นายอิทธิ กล่าวว่าการเดินทางมาครั้งนี้เพื่อต้องการเรียกร้องให้ญาติพี่น้องของนายนพดล ไปเกลี้ยกล่อมให้นายนพดลลาออกจากตำแหน่ง รมว.การต่างประเทศ เพราะทำให้ไทยเสียประโยชน์กรณีเขาพระวิหาร
ไม่สนคำตัดสินม็อบยันปักหลักต่อ ที่จ.ศรีสะเกษ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุขุม วงศ์ประสิทธิ์ ผู้ประสานงานสหธรรมมิกเพื่อประชาธิปไตย หรือขบวนการธรรมยาตราทวงคืนเขาพระวิหาร-มณฑลบูรพา ที่ปักหลักทวงคืนเขาพระวิหารบนอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร กล่าวว่า แม้ว่าผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกจะออกมาอย่างไร จะมีการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกหรือไม่ ก็จะปักหลักทวงคืนอธิปไตยต่อไป เพราะประเด็นการขึ้นทะเบียนมรดกโลกไม่ใช่ประเด็นหลักของกลุ่มเรียกร้อง เนื่องจากประเด็นหลักคือการทวงคืนปราสาทพระวิหาร และที่ผ่านมาพบว่ามีชาวกัมพูชากว่า 500 หลังคาเรือน ปักหลักอาศัยอยู่ในเขตแดนของไทย ถือเป็นการรุกล้ำอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน ต้องมีการผลักดันให้กองทัพออกมาดำเนินการตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 พร้อมทั้งจะระดมสมาชิกเพื่อทวงคืนพื้นที่เขาพระวิหารเพิ่มขึ้นอีก ทหารพรานนายหนึ่งที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยประตูเหล็กทางขึ้นเขาพระวิหาร สังกัดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 กล่าวว่า ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่เขาพระวิหารมานานกว่า 10 ปี รู้จักมักคุ้นกับชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่แถบนี้เป็นอย่างดี ที่ผ่านมาก็พูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบกันเรื่อยมา แม้มีคำสั่งให้มีการปิดประตูเหล็กทางขึ้น ก็เป็นแค่เพียงการปิดประตูเท่านั้น แต่ความสัมพันธ์ทั้งสองฝ่ายยังคงแน่นแฟ้น และยอมรับว่ารู้สึกลำบากใจหากในอนาคตรัฐบาลมีคำสั่งให้มีการผลักดันชาวกัมพูชาออกนอกพื้นที่บริเวณทางขึ้น ส่วนความเคลื่อนไหวของชาวกัมพูชาหลังม่านประตูเหล็กก็มีการดำเนินชีวิตกันตามปกติ บางรายก็จับกลุ่มนั่งเล่นไพ่กันอย่างสนุกสนาน โดยไม่สนใจการปิดเปิดของประตู เพราะส่วนใหญ่ชินกับเหตุการณ์ปิดเปิดประตู เพราะที่ผ่านมามีคำสั่งปิดเปิดประตูทางขึ้นเขาพระวิหารมาแล้วหลายครั้ง ขณะที่บรรยากาศอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารเป็นไปอย่างเงียบเหงาไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมเหมือนช่วงที่ผ่านมา คงมีเพียงทหาร เจ้าหน้าที่อุทยาน และแม่ค้าที่ขายสินค้าอยู่บริเวณลานจอดรถเท่านั้น โดยแม่ค้าบางรายระบุว่า แทบจะไม่ได้ขายสินค้าให้นักท่องเที่ยวเลย แต่ยังดีที่ได้ขายสินค้าให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และกองทัพนักข่าวที่มาทำข่าวเขาพระวิหารแทน ผบ.สส.อัด ปองพล สรุปง่ายเกินไป พล.อ.บุญสร้างเนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) กล่าวถึงกรณีที่นายปองพลระบุว่าเรื่องปราสาทพระวิหารขาดความต่อเนื่อง เพราะประเทศไทยเกิดการปฏิวัติว่า ปัญหาพวกนี้ดูไปก็ซับซ้อน ถ้าพูดแบบนี้อาจจะทำให้สับสน และสรุปอะไรที่ง่ายเกินไป บางคนก็อาจจะต้องตกเป็นจำเลยของสังคม โดยที่ไม่ได้คิดอย่างดี ไม่อยากพูดอะไรให้ลงลึกขนาดนั้น และไม่ได้ผู้รับผิดชอบโดยตรง เมื่อถามว่านายปองพลออกมาอ้างว่า ประเทศมหาอำนาจสนับสนุนกัมพูชา เพราะไทยมีการปฏิวัติ พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่าไม่ทราบ เพราะไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับกองทัพโดยตรง ต้องมีความเชื่อมั่นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพราะเขาต้องศึกษา ในการพูดจาอะไรต้องระมัดระวัง ต้องเชื่อมั่นจนกว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะพิสูจน์ให้ชัดเจนว่าเชื่อมั่นไม่ได้ก็อีกเรื่องหนึ่ง หากปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกจะกระทบต่อความสัมพันธ์ของสองประเทศหรือไม่พล.อ.บุญสร้างระบุว่าถ้าประชาชนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ผลกระทบก็จะไม่มาก แต่หากนำไปสู่ความแตกแยก หรือใช้ความรุนแรงซึ่งกันและกัน ผลกระทบก็จะมีมากมาย ทุกอย่างอยู่ที่ความรู้สึกของคน ส่วนเรื่องการรักษาความปลอดภัยของคนไทยในกัมพูชา ได้ประสานงานและดูแลกันอยู่แล้ว ซึ่งผู้นำของกัมพูชาก็สามารถพูดกันได้ เขาเข้าใจปัญหาเหมือนกัน ด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า เรื่องปราสาทพระวิหารเป็นเรื่องละเอียดอ่อน รัฐบาลของ 2 ประเทศ ต้องเป็นผู้แก้ปัญหาในการหาข้อยุติ ส่วนเรื่องของประชาชนคิดว่า ประชาชนทั้ง 2 ประเทศต้องมีความเข้าใจในเรื่องของความสัมพันธ์ของบ้านเมือง ประเทศที่อยู่ติดกันต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เพราะเราต้องอยู่ร่วมกันอย่างสันติ รวมทั้งการใช้กลไกกฎหมายแก้ปัญหาในส่วนนี้โดยกลไกของรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์กล่าวอีกว่ามีการประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าหน้าที่ตำรวจในการรักษาสถานการณ์ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย ไม่ให้เกิดปัญหาหรือความรุนแรงเกิดขึ้น ขณะนี้ในพื้นที่มีการดำเนินการ คาดว่าไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น อภิสิทธิ์ จี้ ครม.เผยมติ พระวิหาร ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร ที่มีแนวโน้มว่ากัมพูชาจะขอจดทะเบียนได้ฝ่ายเดียวว่า คงต้องย้อนกลับมาดูว่าความรับผิดชอบควรจะเป็นของใคร ไม่ว่าจะเรื่องเกี่ยวกับการปกครองหรือกฎหมาย ตนได้มอบหมายให้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.กทม. ดูข้อกฎหมายและกำลังเตรียมการอยู่หากพิจารณากฎหมายอาญา เบื้องต้นนายนพดลมีความชัดเจนที่สุด เพราะเป็นผู้ไปลงนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากรายงานทางวิชาการ ข้อเสนอของกัมพูชาอ้างอิงการไปลงนามของนายนพดลในวันที่ 22 พฤษภาคมก็คงปฏิเสธไม่ได้ ส่วนคณะรัฐมนตรี (ครม.) คงต้องมาดูอีกที เพราะการตรวจสอบค่อนข้างยาก จนถึงวันนี้ ครม.ก็ยังไม่เปิดเผยมติครม.ที่เกี่ยวข้องว่าถ้อยคำเป็นอย่างไร