tag:blogger.com,1999:blog-75360083248536574282024-03-13T08:55:31.815-07:00momotorreshttp://www.blogger.com/profile/11711378243627183616noreply@blogger.comBlogger22125tag:blogger.com,1999:blog-7536008324853657428.post-29048079435207685362009-02-05T19:39:00.000-08:002009-02-05T19:40:18.653-08:00ข้อสอบIPV6<span style="COLOR: #ff0000"><span style="font-family:Arial;">ข้อสอบ 20 ข้อ<br /></span></span><span style="COLOR: #6600cc"><span style="font-family:Arial;">1.(IPV6) ย่อมาจากอะไร<br />ก. Internet Protocol Vertion6 ข. Vertion6<br />ค. Internet Protocol ง.ถูกทุกข้อ<br /></span></span><span style="COLOR: #ff0000"><span style="font-family:Arial;">เฉลย ก.<br /></span></span><span style="font-family:Arial;"><span style="COLOR: #6600cc">2.โพรโตคอลดังกล่าวทั้งหมดกี่ฉบับ<br />ก. 1ฉบับ ข. 2ฉบับ<br />ค. 3ฉบับ ง.4ฉบับ<br /></span><span style="COLOR: #ff0000">เฉลย ง.</span><br /></span><span style="COLOR: #6600cc"><span style="font-family:Arial;">3.CATNIP ย่อมาจากอะไร<br />ก.(Common Architecture for Next Generation Internet Protocol)<br />ข.(TCP and UDP with Bigger Addresses)<br />ค.(Simple Internet Protocol Plus)<br />ง.ไม่มีข้อถูก<br /></span></span><span style="COLOR: #ff0000"><span style="font-family:Arial;">เฉลยก.<br /></span></span><span style="COLOR: #6600cc"><span style="font-family:Arial;">4.TUBA ย่อมาจากอะไร<br />ก.(Common Architecture for Next Generation Internet Protocol)<br />ข.(TCP and UDP with Bigger Addresses)<br />ค.(Simple Internet Protocol Plus)<br />ง.ไม่มีข้อถูก</span></span><span style="FONT-FAMILY: arial"><span style="COLOR: #6600cc"><br /></span><span style="COLOR: #cc33cc"><span style="COLOR: #ff0000">เฉลย ข.</span><br /></span><span style="COLOR: #6600cc">5. SIPP ย่อมาจากอะไร<br />ก.(Common Architecture for Next Generation Internet Protocol)<br />ข.(TCP and UDP with Bigger Addresses)<br />ค.(Simple Internet Protocol Plus)<br />ง.ไม่มีข้อถูก<br /></span><span style="COLOR: #ff0000">เฉลย ค.<br /></span><span style="COLOR: #6600cc">6.แนวทางในการพัฒนาIPV6 อย่างเป็นทางการไว้ในเอกสาร RFC 1752 โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้<br />ก.นโยบายการแบ่งสรรหมายเลขไอพีแอดเดรส<br />ข.ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเรียกคืนชุดหมายเลขไอพีรุ่นที่ 4 ที่มีการใช้ประโยชน์ต่ำกว่าเกณฑ์กลับคืนมา<br />ค.- ให้ใช้หลักการแบ่งสรรหมายเลขไอพีคลาส A ที่เหลืออยู่แบบ CIDR<br />ง.ถูกทุกข้อ<br /></span><span style="COLOR: #ff0000">เฉยล ง.<br /></span><span style="COLOR: #6600cc">7.โครงการ IPng Area (คณะทำงานที่ถูกแต่งตั้งโดย Internet Engineering Task Force, IETF ในปีค.ศ.ใด<br />ก.1991 ข.1992<br />ค.1993 ง.1994<br /></span><span style="COLOR: #ff0000">เฉลย ค.</span><br /><span style="COLOR: #6600cc">8.คณะทำงาน IPng ถูกก่อตั้งขึ้นโดยใคร<br />ก.Steve Deering และ Ross Callon ข.adda<br />ค.Ping ง.ไม่มีข้อถูก<br /></span><span style="COLOR: #ff0000">เฉลย ก.</span><br /><span style="COLOR: #6600cc">9.คณะทำงาน Address autoconfiguration ถูกก่อตั้งและนำทีมโดยใครบ้าง<br />ก. Ross Callon ข. Steve Deering<br />ค. Dave Katz ร่วมกับ Sue Thomson ง.ถูกทุกข้อ<br /></span><span style="COLOR: #ff0000">เฉลย ค.</span><br /><span style="COLOR: #6600cc">10.โครงการ IPng Area จะสิ้นสุดลงเมื่อปลายพ.ศ.ใด<br />ก.ปลายปี 1994 ข.ปลายปี 1997<br />ค.ปลายปี 1995 ง.ปลายปี 1990<br /></span><span style="COLOR: #ff0000">เฉลย ก.</span><br /><span style="COLOR: #6600cc">11.คุณลักษณะเฉพาะของ IPng APIs คืออะไรบ้าง<br />ก.ต้องสนับสนุน Authentication header และ algorithm อย่างเฉพาะเจาะจง<br />ข.ต้องสนับสนุน Privacy header และ algorithm อย่างเฉพาะเจาะจง<br />ค.ต้องมีการพัฒนาโครงร่างของระบบ Firewall สำหรับ IPng<br />ง.ถูกทุกข้อ<br /></span><span style="COLOR: #ff0000">เฉลย ง.</span><br /><span style="COLOR: #6600cc">12.และในช่วงกลางปี 1994 เช่นกัน IPng ได้รับการกำหนดหมายเลขรุ่นโดยหน่วยงานใด<br />ก.ไม่มีข้อถูก<br />ข.Internet Assigned Numbers Authority(IANA)<br />ค.อเมริกา<br />ง.หน่วยงานจากญี่ปุ่น<br /></span><span style="COLOR: #ff0000">เฉลย ข.</span><br /><span style="COLOR: #6600cc">13.จากข้อ12.ได้รับเป็นรุ่นที่เท่าไหร่<br />ก.ให้เป็นรุ่นที่ 6 อันเป็นที่มาของ IPv6<br />ข.ให้เป็นรุ่นที่ 4 อันเป็นที่มาของ IPv4<br />ค.ให้เป็นรุ่นที่ 5 อันเป็นที่มาของ IPv5<br />ง.ให้เป็นรุ่นที่ 7 อันเป็นที่มาของ IPv7<br /></span><span style="COLOR: #ff0000">เฉลย ก.</span><br /><span style="COLOR: #6600cc">14. เอกสาร RFC1752 ชุดนี้ได้ถูกยอมรับและดำเนินการต่อโดยคณะทำงานภายใต้ IETF ที่ชื่อว่า อะไร<br />ก. Internet<br />ข. Engineering<br />ค.Internet Engineering Steering Group (IESG)<br />ง.ไม่มีข้อถูก<br /></span><span style="COLOR: #ff0000">เฉลย ค.<br /></span><span style="COLOR: #6600cc">15. IP Address มีอยู่กี่ลักษณะ<br />ก.สองลักษณะด้วยกัน<br />ข.สามลักษณะ<br />ค.สี่ลักษณะ<br />ง.ถูกทุกข้อ<br /></span><span style="COLOR: #ff0000">เฉลย ก.</span><br /><span style="COLOR: #6600cc">16. IP Address มีลักษณะบ้าง<br />ก. Static IP<br />ข. IP Address<br />ค. Dynamic IP<br />ง. Static IPและ Dynamic IP<br /></span><span style="COLOR: #ff0000">เฉลย ง.</span><br /><span style="COLOR: #6600cc">17.หน่วยงานที่ทำหน้าที่จัดสรร IP Address เหล่านี้คือ<br />ก.หน่ายงานจากต่างประเทศ<br />ข.หน่วยงานภายในประเทศไทย<br />ค.องค์การระหว่างประเทศที่ชื่อว่า Network Information Center - NIC<br />ง.ถูกทุกข้อ<br /></span><span style="COLOR: #ff0000">เฉลย ค.<br /></span><span style="COLOR: #6600cc">18. IPv6 ประกอบด้วยเลขฐานสองจำนวนกี่บิต<br />ก.128 บิต<br />ข.84 บิต<br />ค.32 บิต<br />ง. 16 บิต<br /></span><span style="COLOR: #ff0000">เฉลย ก.</span><br /><span style="COLOR: #6600cc">19.จุดเด่นของ IPv6 ที่พัฒนาเพิ่มขึ้นมากจาก IPv4 คืออะไร<br />ก.ขยายขนาด Address ขึ้นเป็น 128 บิต สามารถรองรับการใช้งาน IP Address ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้<br />ข.เพิ่มขีดความสามารถในการเลือกเส้นทางและสนับสนุน Mobile Host</span></span><br /><span style="COLOR: #6600cc; FONT-FAMILY: arial">ค.สนับสนุนการทำงานแบบเวลาจริง (real-time service)<br />ง.ถูกทุกข้อ</span><br /><span style="FONT-FAMILY: arial"><span style="COLOR: #ff0000">เฉลย ง.<br /></span><span style="COLOR: #6600cc">20.เฮดเดอร์ของ IPV 6 เทียบกับของ IPV 4 จะสามารถเปรียบเทียบความแตกต่างอะไรบ้าง<br />ก.ตำแหน่งที่ตัดออก<br />ข.ตำแหน่งที่ปรับเปลี่ยน</span></span><br /><span style="COLOR: #6600cc; FONT-FAMILY: arial">ค.ตำแหน่งที่เพิ่ม </span><br /><span style="FONT-FAMILY: arial"><span style="COLOR: #6600cc">ง.ถูกทุกข้อ<br /></span><span style="COLOR: #ff0000">เฉลย ง.</span></span>torreshttp://www.blogger.com/profile/11711378243627183616noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7536008324853657428.post-5910484248691731912008-10-16T21:43:00.000-07:002008-10-16T21:45:37.666-07:00Topology<span style="COLOR: #ff0000">Topology</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">การจัดรูปโครงสร้างของอุปกรณ์สื่อสารเพื่อจัดตั้งเป็นระบบเครือข่าย</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">สามารถกระทำได้หลายแบบดังนี้</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">1. ระบบเครือข่ายที่แบ่งประเภทโดยพิจารณาจากการจัดโครงสร้างอุปกรณ์เป็นหลัก </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">เรียกว่า การจัดรูปทรงระบบเครือข่าย (Topology)</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ได้แก่ ระบบเครือข่ายแบบดาว แบบบัส และแบบวงแหวน เป็นต้น </span><br /><span style="COLOR: #ff6600"></span><br /><span style="COLOR: #ff6600">2. ระบบเครือข่ายตามขนาดทางกายภาพของระยะทางในการส่งข้อมูลเป็นหลัก </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ได้แก่ เครือข่ายเฉพาะบริเวณ (LAN)</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">เครือข่ายในเขตเมือง (MAN)</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">เครือข่ายวงกว้าง (WAN) </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">และเครือข่ายสหภาค (Internetwork)</span><br /><span style="COLOR: #ff6600"></span><br /><span style="COLOR: #ff6600">3. ระบบเครือข่ายที่พิจารณาจากขอบเขตการใช้งานขององค์กร เช่น เ</span><span style="COLOR: #ff6600">ครือข่ายอินทราเนต (Intranet) </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">เครือข่ายเอ็กซ์ทราเนต( Extranet) และเครือข่ายสากล </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">(Internet)</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">การจัดรูปทรงระบบเครือข่าย (Topology)วิธีการอธิบายระบบเครือข่ายแบบหนึ่ง</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">คือการพิจารณาจากรูปทรงของระบบเครือข่าย</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">คือระบบเครือข่ายแบบดาว แบบบัส และแบบวงแหวน ตามลำดับ</span><br /><span style="COLOR: #ff6600"></span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ระบบเครือข่ายแบบดาว (Star Topology)</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ประกอบด้วยคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">เรียกว่า โฮสต์ (Host) หรือ เซิฟเวอร์ (Server) </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นแลอุปกรณ์ที่เหลือ </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ระบบนี้เหมาะกับการประมวลผลที่ศูนย์กลางและส่วนหนึ่งทำการประมวลผลที่เครื่องผู้ใช้ </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">(Client or Work Station) ระบบนี้มีจุดอ่อนอยู่ที่เครื่อง </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">Host คือ การสื่อสารทั้งหมดจะต้องถูกส่งผ่านเครื่อง Host ระบบจะล้มเหลวทันทีถ้าเครื่อง</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">Host หยุดทำงาน</span><br /><span style="COLOR: #ff6600"></span><br /><span style="COLOR: #ff6600">เครือข่ายแบบดาว ( star )</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ระบบเครือข่ายแบบบัส (Bus Toplogy)เป็นระบบเครือข่ายที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">และอุปกรณ์ทั้งหมดด้วยสายสื่อสารเพียงเส้นเดียว อาจใช้สายคู่บิดเกลียว สายโคแอกเซียล </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">หรือสายใยแก้วนำแสงก็ได้ สัญญาณที่ถูกส่งออกมาจากอุปกรณ์ตัวใดก็ตามจะเป็นลักษณะการกระจายข่าว </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">(Broadcasting) โดยไม่มีอุปกรณ์ตัวใดเป็นตัวควบคุมระบบเลย </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">แต่อาศัยซอฟท์แวร์ที่ติดตั้งในอุปกรณ์แต่ละตัวทำหน้าที่ควบคุมการสื่อสาร </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ในระบบบัสนี้จะมีอุปกรณ์เพียงตัวเดียวที่สามารถส่งสัญญาณออกมา </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">อุปกรณ์ตัวอื่นที่ต้องการส่งสัญญาณจะต้องหยุดรอจนกว่าในระบบจะ</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ไม่มีผู้ใดส่งสัญญาณออกมาจึงจะส่งสัญญาณของตนออกมาได้</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ถ้าหากส่งออกมาพร้อมกันจะเกิดปัญหาสัญญาณชนกัน (Collision) ทำให้สัญญาณเกิดความเสียหายใช้การไม่ได้ </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">และระบบนี้จะมีประสิทธิภาพต่ำถ้ามีอุปกรณ์เชื่อมต่อกันเป็นจำนวนมาก</span><br /><span style="COLOR: #ff6600"></span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ระบบเครือข่ายแบบวงแหวน (Ring Topology)</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ระบบเครือข่ายวงแหวนจะมีลักษณะคล้ายเครือข่ายบัสที่เอาปลายมาต่อกัน </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">โดยไม่มีอุปกรณ์ใดเป็นตัวควบคุมการสื่อสารของระบบเลย และข้อมูลในวงแหวนจะเดินไปในทิศทางเดียวกันเสมอ</span><br /><br /><span style="COLOR: #ff6600"></span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ระบบเครือข่ายตามขนาดทางกายภาพของระยะทางในการส่งข้อมูลระบบเครือข่ายในลักษณะนี้ </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ได้ให้คำจำกัดความจากตำแหน่งที่ตั้งและขอบเขตวงกว้างของการใช้งาน</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ซึ่งแบ่งได้หลายอาณาเขต</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">1. เครือข่ายเฉพาะบริเวณ (Local Area Networks) หรือเครือข่ายระบบแลน (LAN)</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">2. เครือข่ายในเขตเมือง (Metropolitan Area Networks) หรือเครือข่ายระบบแมน (MAN)</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">3. เครือข่ายวงกว้าง (Wide Area Networks) หรือเครือข่ายแวน (WAN)เครือข่ายเฉพาะบริเวณ (LAN)</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">มีขอบเขตการทำงานแคบ มักอยู่ในอาคาร ออฟฟิศ สำนักงาน </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">หรือหลายอาคารที่อยู่ติดกัน ไม่เกิน 2,000 ฟุต ระบบ LAN </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ได้รับความนิยมมากในการเชื่อมต่ออุปกรณ์สำนักงานเข้าด้วยกัน โดยมีสายนำสัญญาณการสื่อสารที่เป็นของตนเอง </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">โดยใช้ Topology แบบบัส หรือวงแหวนและมีช่องสื่อสารที่กว้าง เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์สำนักงาน </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">อุปกรณ์ระบบแสดงผล พิมพ์งาน และการรับส่งข้อมูลข่าวสารในสำนักงานทำงานร่วมกันได้</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ถ้าหากการใช้งานในบางจุดของสำนักงานไม่สามารถเดินสายเคเบิลได้ </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">หรือมีข้อจำกัดด้านการติดตั้งและลงทุนเช่น การต่อสาย LAN ข้ามตึก</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">หรือระหว่างชั้นสำนักงาน ก็สามารถประยุกต์ใช้ระบบ LAN ไร้สาย ตามที่กล่าวไปแล้วได้</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">มักมีเครื่องคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่งทำหน้าที่เป็น Host หรือ เซิฟเวอร์ (Server) ซึ่งคล้ายกับบรรณารักษ์ </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">คอยจัดเก็บโปรแกรมและฐานข้อมูล และควบคุมการเข้าใช้ของ User </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">แต่ละคน เครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็น Server นี้มักมีหน่วยความจำใหญ่และ</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">มีหน่วยประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าพีซีปกติ</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ความสามารถในการทำงานของระบบแลนถูกกำหนดโดย </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ระบบปฏิบัติการเครือข่าย (Network Operating System ; NOS )</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ที่ติดตั้งอยู่ที่เครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องหรืออาจอยู่ที่เครื่อง Server เพียงเครื่องเดียว</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ระบบปฏิบัติการจะทำหน้าที่ในการ กำหนดเส้นทางการเดินทางของข้อมูลในเครือข่ายและ</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">จัดการบริหารการสื่อสารตลอดจนควบคุมการใช้งานทรัพยากรทั้งหมดในเครือข่าย</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ตัวอย่างซอฟท์แวร์ที่นิยมใช้ ได้แก่ Novell Netware , </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">Microsoft Windows 2000 Server , </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">IBM’s OS/2 Warp Server เป็นต้น </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ซึ่งซอฟท์แวร์ประยุกต์ที่ใช้บนระบบเครือข่าย LAN ในปัจจุบันมักนิยมทำงานในแบบ</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ (Client / Server System) </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">โดยที่เครื่องผู้ให้บริการจะเป็นผู้จัดเตรียมข้อมูลและโปรแกรมให้ผู้ใช้บริการ </span><br /><span style="COLOR: #ff6600"></span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ระบบเครือข่ายในเขตเมือง (MAN)</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">โดยพื้นฐานแล้วระบบเครือข่ายในเขตเมือง (Metropolitan Area Network) </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">มีลักษณะคล้ายกับระบบ LAN แต่มีอาณาเขตที่ไกลกว่าในระดับเขตเมืองเดียวกัน </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">หรือหลายเมืองที่อยู่ติดกันก็ได้ ซึ่งอาจเป็นการให้บริการของเอกชนหรือรัฐก็ได้ </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">เป็นการบริการเฉพาะหน่วยงาน มีขีดความสามารถในการให้บริการทั้งรับและส่งข้อมูล ทั้งภาพและเสียง </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">เช่นการให้บริการระบบโทรทัศน์ทางสาย (Cable TV)</span><br /><span style="COLOR: #ff6600"></span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ระบบเครือข่ายวงกว้าง (WAN)</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">เป็นระบบที่มีขอบเขตการใช้งานกว้างกว่า ไกลกว่าระบบแลน </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นระบบที่ไร้ขอบเขตแล้ว เช่นระบบการสื่อสารข้อมูลผ่านดาวเทียมของสถานีโทรทัศน์ต่างๆ </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">แต่การที่จะเชื่อมต่อเครือข่ายที่มีระยะห่างกันมากๆให้เป็นเครือข่ายเดียวกันทั้งหมด</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">นั้นจำเป็นต้องอาศัยเครือข่ายสาธารณะ (Public Networks) ที่ให้บริการการสื่อสาร</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">โดยเชื่อมต่อผ่านโมเด็ม ผ่าน เครือข่ายโทรศัพท์สาธารณะ </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">(Public Switching Telephone Network ; PSTN)</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ซึ่งมีทั้งลักษณะต่อโมเด็มแบบที่ต้องมีการติดต่อก่อน (Dial-up) หรือต่อตายตัวแบบสายเช่า </span><br /><span style="COLOR: #ff6600"></span><br /><span style="COLOR: #ff6600">(Lease Line)</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ระบบเครือข่ายที่พิจารณาจากขอบเขตการใช้งานขององค์กรระบบอินทราเนต</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">(Intranet) ในปัจจุบันบางองค์กรได้จำลองลักษณะของอินเตอร์เนตมาเป็นเครือข่ายภายในและ</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ใช้งานโดยบุคคลากรของบริษัท ผู้คนในบริษัทจะทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อกันในองค์กร</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">เฉพาะเครือข่ายของบริษัทตนเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องใดๆกับองค์กรอื่นภายนอก</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ทั้งที่อยู่ในสำนักงานเดียวกันหรือต่างสาขาก็ได้ หรือจะอยู่คนละภูมิประเทศก็ได้ </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">สามารถสื่อสารกัน (Interfacing) ได้โดยการใช้ Web Browser </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">เขียนเป็น Home Pages เหมือนอินเตอร์เนตโดยทั่วไป ด้วยกราฟฟิก ภาพ ข้อความ เสียง</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">และมี Function ต่างๆ เช่น Web-board การ Log-in </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">การเปิดหน้าต่าง Browser ด้วยวิธีการคลิ๊กทีละ Page นำเสนอข้อมูลที่สวยงาม </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ง่ายต่อการเข้าใจ มีระบบจดหมายอีเลกทรอนิกส์ มี Account ให้พนักงานแต่ละคนใช้ส่วนตัว</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">มีระบบโต้ตอบและสนทนาได้อัตโนมัติ ตัวอย่างของระบบอินทราเนต ที่นิยมใช้กันมาก </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ได้แก่ ระบบซอฟท์แวร์ Lotus-Note ของบริษัท IBMข้อดีของอินทราเนตที่องค์กรต่างๆนิยมใช้เพราะ </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">เป็นส่วนตัว (Privacy) ในระดับองค์กร คาวมเร็วในการส่งผ่านข้อมูลที่จำเป็นเฉพาะองค์กร </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">การป้องกันการรั่วไหลของความลับองค์กร แต่ในขณะเดียวกันระบบอินทราเนตสามารถเชื่อมต่อ</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">กับระบบอินเตอร์เนตภายนอกได้ทันที เพราะอาศัย Protocol </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">มาตรฐาน TCP/IP เหมือนกันระบบเอ็กทราเนต </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">(Extranet) เป็นอีกลักษณะของระบบเครือข่ายที่เป็นระบบสารสนเทศระหว่างองค์กร </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">(Inter-Organization ; I-OIS) ใช้สำหรับการติดต่อสื่อสารข้อมูลระหว่างองค์กรที่มีความสัมพันธ์กัน </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ต้องการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ติดต่อธุรกรรมกันเป็นประจำ ระหว่างพนักงาน </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">บริษัทคู่ค้า บริษัทลูกค้า หรือบริษัทที่เป็นพันธมิตรกัน</span><br /><span style="COLOR: #ff6600"></span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ระบบเอ็กทราเนตจะอาศัยโครงสร้างของอินทราเนต</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">และอินเตอร์เนตในการทำงานสื่อสารระหว่างองค์กร</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">แต่อาจอาศัยเครือข่ายเฉพาะส่วนบุคคล (Virtual private Networks ; VPN) </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ซึ่งจะต้องมีการเข้ารหัสต่างๆ เพื่อขออนุญาตเข้าใช้เครือข่าย </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">มีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในองค์กรระหว่างกัน </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ปัจจุบันนิยมมากในกลุ่มธุรกิจที่มีลักษณะเป็นพันธมิตรทางการค้า (Alliance) </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ที่ต้องอาศัยข้อมูลของบริษัทร่วมกัน (Collaboration Commerce ; C-Commerce) </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">เช่น ข้อมูลสต็อกสินค้า ข้อมูลลูกค้า และมีฟังก์ชั่นการทำงานในลักษณะโต้ตอบ สนทนา แบบ Real time</span><br /><span style="COLOR: #ff6600"></span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ระบบอินเตอร์เนต (Internet)</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">เป็นระบบที่รู้จักกันดีและใช้งานกันอยู่เป็นประจำ เป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">เชื่อมโยงศูนย์คอมพิวเตอร์ทั่วโลกเข้าไว้เป็นระบบเดียว จึงเป็นระบบสื่อสารที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">และมีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก เพราะมีประโยชน์ในวงการต่างๆ </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">มากมายอินเตอร์เนตที่ทั่วโลกสามารถเชื่อมต่อกันได้เพราะมีมาตรฐานหรือโปรโตคอลที่ชื่อว่า</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">TCP/IP (Transmission Control Protocol / Internet Protocol)</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ซึ่งสามารถเชื่อมโยงได้โดยผ่านผู้ให้บริการอินเตอร์เนตเชิงพาณิชย์ (Internet Service Provider ; ISP ) </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ซึ่งจะทำหน้าที่ให้บริการเสมือนศูนย์กลางการสื่อสารคอยติดต่อประสานงานกับวงอินเตอร์เนตอื่นๆทั่วโลก </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">เสมือนสำนักงานไปรษณีย์ที่คอยส่งจดหมายไปตามที่อยู่ (IP Address)</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ของผู้รับ ผู้ให้บริการอินเตอร์เนตในประเทศไทยปัจจุบันได้แก่ Loxinfo , </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">CS Communication , Internet KSC , AsiaNet ,</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">Telecomasiaหรือแม้แต่องค์การโทรศัพท์หรือ ทศท.คอร์เปอเรชั่น จำกัด</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ในปัจจุบันก็หันมาทำธุรกิจให้บริการอินเตอร์เนตด้วย</span><br /><span style="COLOR: #ff6600"></span><br /><span style="COLOR: #ff6600">IP Address </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">หรือบ้านเลขที่บนอินเตอร์เนต ถ้าเปรียบอินเตอร์เนตเป็นเมืองขนาดใหญ่</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">และเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องเป็นบ้านที่มีถนนเชื่อมถึงกัน </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">เครื่องคอมพิวเตอร์เหล่านั้นย่อมต้องมีเลขที่บ้านเพื่อให้รู้ตำแหน่งกันโดย</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ไม่ซ้ำกับเครื่องใดในโลก IP Address ประกอบไปด้วยตัวเลข 4 ชุด ต่อกัน </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">โดยมีจุดเป็นสัญญลักษณ์แบ่งตัวเลข แต่ละชุดมีค่าตั้งแต่ 0 – 255 โดยสามารถทำการขอเลข </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">IP ได้จากหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตจาก InterNIC </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">(Internet Network Information Center) เช่นผู้ให้บริการอินเตอร์เนตทั่วไป</span><br /><span style="COLOR: #ff6600"></span><br /><span style="COLOR: #ff6600">Internet Address </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">คงไม่มีใครอยากจะจดจำ IP Address เพราะเป็นชุดตัวเลขที่ยาวมาก</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ไม่สะดวกต่อการจดจำและเรียกใช้ลำบาก จึงมีการกำหนดชื่อเรียกขึ้นมาแทน</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">IP Address เหมือนการจดทะเบียนการค้า มีเลขทะเบียนการค้าแล้ว </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">แต่ต้องจดทะเบียนชื่อห้างร้านด้วย Internet Address อยู่ในรูปของตัวอักษร </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">นิยมตั้งให้จำได้ โดยมากใช้ชื่อองค์กรหรือชื่อที่มีความสัมพันธ์กับเนื้อหาหรือ</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">วัตถุประสงค์ขององค์กรหรือบุคคลเจ้าของ Website นั้นๆ </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">โดยมีตัวย่อหลังเครื่องหมายจุดในอินเตอร์เนตแอดเดรสเป็นตัวระบุความแตกต่างกันของขนิดองค์กร</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ที่พบบ่อยๆ ได้แก่</span><br /><span style="COLOR: #ff6600"></span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ส่วนอินเตอร์เนตแอดเดรสในประเทศไทย</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">มักมี.th ตามต่อท้ายเพื่อให้ทราบว่ามี IP อยู่ในประเทศไทยเป็นการกำหนดตำแหน่งประเทศ</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ที่เครื่องคอมพิวเตอร์นั้นๆ ตั้งอยู่ เช่น co.th , ac.th , go.th , or.th เป็นต้นบริการต่างๆในอินเตอร์เนต </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ตัวอินเตอร์เนตเอง คือระบบที่สร้างขึ้นเพื่อการเชื่อมต่อข้อมูลแต่ข้อมูลที่จะเชื่อมต่อ</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">กันบนอินเตอร์เนตอาจอยู่ในรูปแบบใดๆก็ได้ ขึ้นกับความต้องการผู้ใช้ โดยมากที่เราพบเห็นจะอยู่ในรูปแบบ </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">www (World Wide Web หรือที่เรารู้จักกันว่า Web site) </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">แต่อินเตอร์เนตมีรูปแบบที่ให้บริการต่างๆได้มากมาย อาทิ</span><br /><span style="COLOR: #ff6600"></span><br /><span style="COLOR: #ff6600"></span><br /><span style="COLOR: #ff6600">1. เครือข่ายใยพิภพ (เครือข่ายใยแมงมุม) World Wide Web</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">ประกอบไปด้วย Website ต่างๆมากมายบนโลก</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">2. บริการจดหมายอีเล็กทรอนิกส์ (e-Mail) ที่มีชื่อเสียงที่เรารู้จักก็คือ </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">โปรแกรม OutLook หรือบริการ e-mail บนเว็บยอดฮิตก็ Hotmail ที่รูจักกันดี</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">3. บริการโอนย้ายไฟล์ (File Transfer Protocol ; FTP) </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">บริการให้ Up – Down load แฟ้มข้อมูลต่างๆ</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">4. Usenet บอร์ดข่าวสารบนอินเตอร์เนต</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">5. ระบบการสนทนาโต้ตอบแบบทันที (Internet Relay Chat ; IRC)</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">6. Internet Phone หรือ Voice Mail ที่สามารถใช้เสียงพูดคุยผ่านอินเตอร์เนต (VoiceOverIP) </span><br /><span style="COLOR: #ff6600">7. การให้บริการแฟกซ์ผ่านอินเตอร์เนต (Internet Fax)</span><br /><span style="COLOR: #ff6600">8. การให้บริการภาพและเสียงผ่านอินเตอร์เนต (Streaming audio and video)</span><br /><br /><span style="COLOR: #ff0000">ข้อสอบปรนัย5ข้อ</span><br /><span style="COLOR: #cc33cc">1. ระบบเครือข่ายที่แบ่งประเภทโดยพิจารณาจากการจัดโครงสร้างอุปกรณ์เป็นหลัก เรียกว่าอะไร</span><br /><span style="COLOR: #cc33cc">ก.การจัดรูปทรงระบบเครือข่าย (Topology) </span><br /><span style="COLOR: #cc33cc">ข.การรักษาเครือข่าย</span><br /><span style="COLOR: #cc33cc">ค.การาดูแลเครือข่าย</span><br /><span style="COLOR: #cc33cc">ง.ถูกทุกข้อ</span><br /><span style="COLOR: #cc33cc"></span><br /><span style="COLOR: #cc33cc">2.ระบบเครือข่ายตามขนาดทางกายภาพของระยะทางในการส่งข้อมูลเป็นหลักได้แก่</span><br /><span style="COLOR: #cc33cc">ก.เครือข่ายเฉพาะบริเวณ (LAN) </span><br /><span style="COLOR: #cc33cc">ข.เครือข่ายในเขตเมือง (MAN) </span><br /><span style="COLOR: #cc33cc">ค.เครือข่ายวงกว้าง (WAN) </span><br /><span style="COLOR: #cc33cc">ง.ถูกทุกข้อ</span><br /><span style="COLOR: #cc33cc"></span><br /><span style="COLOR: #cc33cc">3.ระบบเครือข่ายแบบดาว ประกอบด้วยคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง เรียกว่า </span><br /><span style="COLOR: #cc33cc">ก.โฮสต์ (Host) หรือ เซิฟเวอร์ </span><br /><span style="COLOR: #cc33cc">ข.ดาว</span><br /><span style="COLOR: #cc33cc">ค.ถูกทุกข้อ</span><br /><span style="COLOR: #cc33cc">ง.ไม่มีข้อถูก</span><br /><span style="COLOR: #cc33cc"></span><br /><span style="COLOR: #cc33cc">4.ข้อใดไม่ใช่ระบบเครือข่ายตามขนาดทางกายภาพของระยะทางในการส่งข้อมูล</span><br /><span style="COLOR: #cc33cc">ก.เครือข่ายเฉพาะบริเวณ</span><br /><span style="COLOR: #cc33cc">ข.เครือข่ายในเขตเมือง</span><br /><span style="COLOR: #cc33cc">ค.เครือข่ายวงกว้าง</span><br /><span style="COLOR: #cc33cc">ง.ไม่มีข้อถูก</span><br /><span style="COLOR: #cc33cc"></span><br /><span style="COLOR: #cc33cc">5.ระบบเครือข่ายแบบวงแหวน มีลักษณะอย่างไร</span><br /><span style="COLOR: #cc33cc">ก.ระบบเครือข่ายวงแหวนจะมีลักษณะคล้ายเครือข่ายบัสที่เอาปลายมาต่อกัน </span><br /><span style="COLOR: #cc33cc">ข.มีลักษณะเป็นวงกลม</span><br /><span style="COLOR: #cc33cc">ค.มีลักษณะสี่เหลี่ยม</span><br /><span style="COLOR: #cc33cc">ง.มีลักษณะวงรี</span><br /><span style="COLOR: #cc33cc"></span><br /><span style="COLOR: #ff0000">เฉลย </span>1. ก 2.ง 3.ก 4.ง 5.กtorreshttp://www.blogger.com/profile/11711378243627183616noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7536008324853657428.post-81636301929879429022008-10-16T21:32:00.000-07:002008-10-16T21:42:46.968-07:00e-learning ที่เกี่ยวข้อง<span style="font-family:arial;color:#000000;"><span style="COLOR: #ff0000">e-learning</span></span><br /><span style="font-family:arial;"><span style="COLOR: #ff0000"></span><br /></span><a href="http://e-learning.tu.ac.th/"><strong><span style="font-family:arial;color:#bf277e;">http://e-learning.tu.ac.th/</span></strong></a><br /><span style="font-family:arial;">มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์</span><br /><span style="font-family:arial;"><br /></span><a href="http://e-learning.mfu.ac.th/"><strong><span style="font-family:arial;color:#bf277e;">http://e-learning.mfu.ac.th/</span></strong></a><br /><span style="font-family:arial;">มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง</span><br /></span><span style="font-family:arial;"><br /></span><a href="http://regelearning.payap.ac.th/"><strong><span style="font-family:arial;color:#bf277e;">http://regelearning.payap.ac.th/</span></strong></a><br /><span style="font-family:arial;">มหาวิทยาลัยพายัพ</span><br /></span><span style="font-family:arial;"><br /></span><a href="http://elearning.utcc.ac.th/lms/main/default.asp"><strong><span style="font-family:arial;color:#bf277e;">http://elearning.utcc.ac.th/lms/main/default.asp</span></strong></a><br /><span style="font-family:arial;">มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย</span><br /></span><span style="font-family:arial;"><br /></span><a href="http://md.rmutk.ac.th/"><strong><span style="font-family:arial;color:#bf277e;">http://md.rmutk.ac.th/</span></strong></a><br /><span style="font-family:arial;">มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ</span><br /></span><span style="font-family:arial;"><br /></span><a href="http://e-learning.kku.ac.th/"><strong><span style="font-family:arial;color:#bf277e;">http://e-learning.kku.ac.th/</span></strong></a><br /><span style="font-family:arial;">มหาวิทยาลัยขอนแก่น</span><br /></span><span style="font-family:arial;"><br /></span><a href="http://space.kbu.ac.th/el/index.asp"><strong><span style="font-family:arial;color:#bf277e;">http://space.kbu.ac.th/el/index.asp</span></strong></a><br /><span style="font-family:arial;">มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต</span><br /></span><span style="font-family:arial;"><br /></span><a href="http://elearning.dusit.ac.th/xedu/Home.aspx"><strong><span style="font-family:arial;color:#bf277e;">http://elearning.dusit.ac.th/xedu/Home.aspx</span></strong></a><br /><span style="font-family:arial;">มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต</span><br /></span><span style="font-family:arial;"><br /></span><a href="http://sutonline.sut.ac.th/moodle/mod/resource/view.php?id=7790"><strong><span style="font-family:arial;color:#bf277e;">http://sutonline.sut.ac.th/moodle/mod/resource/view.php?id=7790</span></strong></a><br /><span style="font-family:arial;">มหวิทยาลัยเทคโนดลยีสุรนารี</span><br /></span><span style="font-family:arial;"><br /></span><a href="http://www.academic.hcu.ac.th/e-learning/e-learning.html"><strong><span style="font-family:arial;color:#bf277e;">http://www.academic.hcu.ac.th/e-learning/e-learning.html</span></strong></a><br /><span style="font-family:arial;">มหวิทยาลัยหัวเฉลียวเฉลิมพระเกียรติ </span><br /></span><span style="font-family:Arial;"></span><br /><strong>URL ที่สนใจ</strong><br /><a href="http://e-learning.kku.ac.th/">http://e-learning.kku.ac.th</a><br />มหาวิทยาลัยขอนแก่น<br /><br />เพราะว่าสื่อการเรียนการสอนมากมายแล้วแต่ตัวเราจะศึกษาค้นคว้าว่าสนใจตัวไหน<br /><div style="MARGIN-LEFT: 40px" align="left"><span style="font-family:arial;"><span style="FONT-WEIGHT: bold">การเข้าใช้งานระบบ</span><br /></span></div><div style="MARGIN-LEFT: 80px" align="left"><span style="font-family:arial;">Username และ Password ของระบบนี้ เป็นตัวเดียวกันกับระบบทะเบียนเรียนของมหาวิทยาลัยขอนแก่น (http://reg.kku.ac.th/) หากนักศึกษาลืมรหัสผ่าน ขอให้นักศึกษาติดต่อสำนักบริหารและพัฒนาวิชาการ (สำนักทะเบียนและประมวลผล) ชั้น 1 อาคารศูนย์วิชาการ เพื่อขอรหัสผ่านใหม่<br /></span></div><div style="MARGIN-LEFT: 40px" align="left"><span style="font-family:arial;"><span style="FONT-WEIGHT: bold">การเข้าเรียนในรายวิชา</span><br /></span></div><div style="MARGIN-LEFT: 80px" align="left"><span style="font-family:arial;">นักศึกษาจะเข้าเรียนในวิชาที่ลงทะเบียนเรียนได้โดยอัตโนมัติ หากมีบทเรียนของรายวิชานั้นในระบบ e-Learning โดยนักศึกษาจะพบรายชื่อวิชาที่เข้าเรียนได้เมื่อ login เข้าระบบแล้ว<br /></span></div>torreshttp://www.blogger.com/profile/11711378243627183616noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7536008324853657428.post-35461063986742833712008-10-16T21:24:00.000-07:002008-10-16T21:27:15.480-07:00คำอธิบายรายวิชา เครือข่ายคอมพิวเตอร์และการกระจาย<span style="font-family:arial;"><span style="color:#000000;"><span style="COLOR: #ff0000">คำอธิบายรายวิชา</span><br /></span><span style="COLOR: #cc33cc"><span style="color:#000000;">(Course Description)</span></span></span><a name="A"></a><span style="color:#000000;"><span style="font-family:arial;"><span style="COLOR: #cc33cc">ความรู้เบื้องต้นเบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เครือข่าย</span><br /><span style="COLOR: #cc33cc">การสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์กับเทอร์มินอล ชั้นของโปรโตคอลมาตรฐาน OSI รูปแบบต่าง ๆ ของเครือข่าย </span><span style="COLOR: #cc33cc">X.25 เนตเวิร์คและดิจิตอลเนตเวอร์ค การประมวลผลแบบตามลำดับและแบบขนาน </span><br /><span style="COLOR: #cc33cc">การไปป์ไลน์ (Pipelining) </span><br /><span style="COLOR: #cc33cc">การประมวลผลแบบเวคเตอร์ (Vector Processing) </span><br /><span style="COLOR: #cc33cc">การประมวลผลแบบอะเรย์ (Array Processors) </span><br /><span style="COLOR: #cc33cc">มัลติโปรเซสเชอร์ (Multiprocessor)</span><br /><span style="COLOR: #cc33cc">และฟอลท์โทเลอร์แรนซ์ (Fault Tolerance)</span> </span></span>torreshttp://www.blogger.com/profile/11711378243627183616noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7536008324853657428.post-34370540545381614502008-09-04T02:27:00.000-07:002008-09-04T02:34:23.323-07:00การบ้านหลักการออกแบบ Optical Fiber Digital Communication<span style="font-family:arial;color:#cc0000;">แบบฝึกหัด</span><br /><span style="font-family:arial;">ข้อ1.</span><br /><span style="font-family:arial;">3 0 mbit ระยะทาง 45 km</span><br /><span style="font-family:arial;">1.Preformanc = ไม่ระบุ</span><br /><span style="font-family:arial;">2.BL = 30*45 =1,350</span><br /><span style="font-family:arial;">3.เลือก optical source </span><br /><span style="font-family:arial;">เลือก LED power ที่ -15</span><br /><span style="font-family:arial;">เพราะ ราคาประหยัด</span><br /><span style="font-family:arial;">4.เลือก optical fiber เลือก Graded Index Multimode</span><br /><span style="font-family:arial;">เพราะ ลองรับ BL แบร์นวิด ที่ 1.5 GHz/km</span><br /><span style="font-family:arial;">5.เลือก optical detector</span><br /><span style="font-family:arial;">เลือก PIN - FET มีค่า sensitivity -60</span><br /><span style="font-family:arial;">เพราะ ราคาประหยัด</span><br /><span style="font-family:arial;">6.Lmax = Po - Por</span><br /><span style="font-family:arial;">แทนค่า (-15) - (-60)</span><br /><span style="font-family:arial;">= 65</span><br /><span style="font-family:arial;">7.Lf = Lmax (Lc + Ls + Pm)</span><br /><span style="font-family:arial;">กำหนด </span><br /><span style="font-family:arial;">Lc= 0.50กำหนด </span><br /><span style="font-family:arial;">Ls = 1dbกำหนด </span><br /><span style="font-family:arial;">Pm = 6dbแทนค่า </span><br /><span style="font-family:arial;">Lf = 65- (0.50 +1 +6= 57.50</span><br /><span style="font-family:arial;">8.Dmax = Lf/LfimaxLf </span><br /><span style="font-family:arial;">= 57.50</span><br /><span style="font-family:arial;">Lfimax </span><br /><span style="font-family:arial;">= 2</span><br /><span style="font-family:arial;">แทนค่า 57.50/2</span><br /><span style="font-family:arial;">= 28.75</span><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++</span><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">ข้อ2.</span><br /><span style="font-family:arial;">50 mbit ระยะทาง 100 km</span><br /><span style="font-family:arial;">1.Preformanc </span><br /><span style="font-family:arial;">= ไม่ระบุ</span><br /><span style="font-family:arial;">2.BL = 50*100 = 5,000</span><br /><span style="font-family:arial;">3.เลือก optical source เลือก LED power ที่ -20</span><br /><span style="font-family:arial;">เพราะ ราคาประหยัด</span><br /><span style="font-family:arial;">4.เลือก optical fiber เลือก Graded Index Multimode</span><br /><span style="font-family:arial;">เพราะ ลองรับ BL แบร์นวิด ที่ 1.5 GHz/km</span><br /><span style="font-family:arial;">5.เลือก optical detector เลือก PIN - FET มีค่า sensitivity -50</span><br /><span style="font-family:arial;">เพราะ ราคาประหยัด</span><br /><span style="font-family:arial;">6.Lmax = Po - Por</span><br /><span style="font-family:arial;">แทนค่า (-20) - (-50)</span><br /><span style="font-family:arial;">= 70</span><br /><span style="font-family:arial;">7.Lf = Lmax (Lc + Ls + Pm)</span><br /><span style="font-family:arial;">กำหนด Lc = 0.50</span><br /><span style="font-family:arial;">กำหนด Ls = 1db</span><br /><span style="font-family:arial;">กำหนด Pm = 5db</span><br /><span style="font-family:arial;">แทนค่า Lf = 70- (0.50 +1 +5)</span><br /><span style="font-family:arial;">= 31.75</span><br /><span style="font-family:arial;">8.Dmax = Lf/Lfimax</span><br /><span style="font-family:arial;">Lf = 63.50</span><br /><span style="font-family:arial;">Lfimax = 2</span><br /><span style="font-family:arial;">แทนค่า 63.50/2</span><br /><span style="font-family:arial;">= 31.57km</span>torreshttp://www.blogger.com/profile/11711378243627183616noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7536008324853657428.post-47029717011769375442008-09-04T02:24:00.000-07:002008-09-04T02:27:34.020-07:00เส้นใยแก้วนำแสง<span style="color:#ff0000;">เส้นใยแก้วนำแสง (fiber optic) คืออะไร</span><br />เส้นใยแก้วนำแสงหรือไฟเบอร์ออปติก เป็นตัวกลางของสัญญาณแสงชนิดหนึ่ง ที่ทำมาจากแก้วซึ่งมีความบริสุทธิ์สูงมากเส้นใยแก้วนำแสงมีลักษณะเป็นเส้นยาวขนาดเล็ก มีขนาดประมาณเส้นผมของมนุษย์เรา เส้นใยแก้วนำแสงที่ดีต้องสามารถนำสัญญาณแสงจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งได้ โดยมีการสูญเสียของสัญญาณแสงน้อยมากเส้นใยแก้วนำแสงสามารถแบ่งตามความสามารถในการนำแสงออกได้เป็น 2 ชนิด คือ เส้นใยแก้วนำแสงชนิดโหมดเดี่ยว (Singlemode Optical Fibers, SM) และชนิดหลายโหมด (Multimode Optical Fibers, MM) ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาเส้นใยแก้วนำแสง ที่ทำมาจากพลาสติกเพื่องานบางอย่างที่ไม่คำนึงถึงการสูญเสียสัญญาณมากนัก เช่น การสื่อสารในระยะทางสั้น ๆ ไม่กี่เมตร<br /><br /><span style="color:#ff0000;">เส้นใยแก้วนำแสงประกอบด้วยส่วนสำคัญ 2 ส่วนคือ</span><br />ส่วนที่เป็นตัวกลางนำแสงซึ่งทำจากวัสดุ เช่น แก้ว พลาสติก เรียกว่าแกน (core) กับส่วนที่เป็นที่ห่อหุ้มแกน (cladding)โดยดัชนีหักเหของที่ห่อหุ้มแกนจะมีค่าน้อยกว่าดัชนีหักเหของแกนทั้งนี้ก็เพื่อกั้นไม่ให้แสงภายในเส้นใยแก้วนำแสงทะลุออกมาภายนอกเส้นใยแก้วนำแสงบางรุ่นจะมีเพียงแกนกับที่ห่อหุ้มแกนเท่านั้น จึงทำให้เส้นใยแก้วนำแสงดังกล่าวมีขนาดเล็กมากแต่ในเส้นใยแก้วนำแสงที่ใช้งานทั่วไปนั้นถัดจากส่วนที่ห่อหุ้มแกนออกมา จะเป็นส่วนที่ห่อหุ้มสำหรับทำหน้าที่ป้องกันการฉีกขาดของเส้นใยแก้วนำแสง และเป็นส่วนที่รองรับแรงดึงแรงบิดที่กระทำต่อเส้นใยแก้วนำแสง รวมทั้งป้องกันไม่ให้แสงหรือรังสีอินฟราเรดจากภายนอกเข้ามารบกวนสัญญาณภายในเส้นใยแก้วนำแสง ส่วนห่อหุ้มนี้มักจะทำจากวัสดุเหนียวสีดำ สำหรับเส้นใยแก้วนำแสงบางรุ่นที่มีขนาดใหญ่มาก จะมีการใส่สายเคเบิ้ลโลหะด้วยเพื่อเพิ่มความแข็งแรงทนทานในอาคารบ้านเรือน ที่อยู่อาศัย สำนักงานอาคารอุตสาหกรรมต่างๆ ล้วนแล้วแต่ต้องใช้สายสัญญาณเพื่อเชื่อมโยงระบบสื่อสาร แต่เดิมสายสัญญาณที่นำมาใช้ ได้แก่ สายตัวนำทองแดง ปัจจุบันสายสัญญาณระบบสื่อสารมีความจำเป็นมากขึ้น โดยเฉพาะ ระบบการเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และมีแนวโน้มที่จะรวมระบบสื่อสาร อย่างอื่นประกอบเข้ามาในระบบด้วย เช่น ระบบเคเบิลทีวี ระบบโทรศัพท์ ระบบการบริการข้อมูลข่าวสารเฉพาะของบริษัทผู้ให้บริการต่างๆ ความจำเป็นลักษณะนี้ จึงมีผู้ตั้งคำถามว่า ถึงเวลา แล้วหรือยังที่จะให้อาคารที่สร้างใหม่ มีระบบเครือข่ายสายสัญญาณด้วยเส้นใยแก้วนำแสง หากพิจารณาให้ดีพบว่า เวลานั้นได้มาถึงแล้ว ปัจจุบันราคาของเส้นใยแก้วนำแสงที่เดินในอาคารมีราคาใกล้เคียงกับสาย UTP แบบเกรดที่ดี เช่น CAT 5 ขณะเดียวกันสายเส้นใยแก้วนำแสง ให้ประสิทธิภาพที่สูงกว่ามาก และรองรับการใช้งานในอนาคตได้มากกว่า สายยูทีพี (UTP) แบบ CAT 5 รองรับความเร็วสัญญาณ ได้ 100 เมกะบิตต่อวินาที และมีข้อจำกัดในเรื่องความยาวเพียง 100 เมตร ขณะที่สายใยแก้วนำแสงรองรับความถี่สัญญาณได้หลายร้อยเมกะเฮิรตซ์ และยังใช้ได้กับ ความยาวถึง 2,000 เมตร การพัฒนาในเรื่องต่างๆของเส้นใยแก้วนำแสงได้ก้าวมาถึงจุดที่จะนำมาใช้กันอย่างกว้างขวางแล้ว บทความนี้จึงขอนำเสนอเพื่อแสดงให้เห็นว่า เส้นใยแก้วนำแสงมีจุดเด่นอย่างไร มีแนวโน้มการใช้งานด้านใดบ้าง และที่สำคัญคือ จะได้เป็นข้อมูลสำหรับการศึกษา และทำความเข้าใจกับเส้นใยแก้วนำแสง เพื่อว่าจะได้เห็นข้อดีข้อเสียรวมถึงแนวทางการนำมา ประยุกต์ให้คุ้มค่า โดยเฉพาะการมองแนวทางของเทคโนโลยีในระยะไกล จุดเด่นของสายใยแก้วนำแสงจุดเด่นของเส้นใยแก้วนำแสงมีหลายประการ โดยเฉพาะจุดที่ได้เปรียบสายตัวนำทองแดง ที่จะนำมาใช้แทนตัวนำทองแดง จุดเด่นเหล่านี้ มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งประกอบด้วย ความสามารถในการรับส่งข้อมูลข่าวสาร เส้นใยแก้วนำแสงที่เป็นแท่งแก้ว ขนาดเล็ก มีการโค้งงอได้ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางที่ใช้กันมากคือ 62.5/125 ไมโครเมตร เส้นใยแก้วนำแสงขนาดนี้ เป็นสายที่นำมาใช้ภายในอาคารทั่วไปเมื่อใช้กับคลื่นแสงความยาวคลื่น 850 นาโนเมตร จะส่งสัญญาณได้มากกว่า 160 เมกะเฮิรตซ์ ที่ความยาว 1 กิโลเมตร และถ้าใช้ความยาวคลื่น 1,300 นาโนเมตร จะส่งสัญญาณได้กว่า 500 เมกะเฮิรตซ์ ที่ความยาว 1 กิโลเมตร และถ้าลดความยาวลงเหลือ 100 เมตร จะใช้กับความถี่ของสัญญาณมากกว่า 1 กิกะเฮิรตซ์ได้ ดังนั้นจึงดีกว่าสายยูทีพีแบบแคต 5 ที่ใช้กับสัญญาณได้ 100 เมกะเฮิรตซ์ กำลังสูญเสียต่ำเส้นใยแก้วนำแสงมีคุณสมบัติในเชิงการให้แสงวิ่งผ่านได้ การบั่นทอนแสงมีค่าค่อนข้างต่ำ ตามมาตรฐานของเส้นใยแก้วนำแสง การใช้เส้นสัญญาณนำแสงนี้ใช้ได้ยาวถึง 2,000 เมตร หากระยะทางเกินกว่า 2,000 เมตร ต้องใช้ รีพีตเตอร์ทุกๆ 2,000 เมตร การสูญเสียในเรื่องสัญญาณจึงต่ำกว่าสายตัวนำทองแดงมาก ที่สายตัวนำทองแดงมีข้อกำหนดระยะทางเพียง 100 เมตร หากพิจารณาในแง่ความถี่ที่ใช้ ผลตอบสนองทางความถี่มีผลต่อกำลังสูญเสีย โดยเฉพาะในลวดตัวนำทองแดง เมื่อใช้เป็นสายสัญญาณ คุณสมบัติ ของสายตัวนำทองแดงจะเปลี่ยนแปลง เมื่อใช้ความถี่ต่างกัน โดยเฉพาะเมื่อใช้ความถี่ของสัญญาณที่ส่งในตัวนำทองแดง สูงขึ้น อัตราการสูญเสียก็จะมากตามแต่กรณีของเส้นใยแก้วนำแสง เราใช้สัญญาณความถี่มอดูเลตไปกับแสง การเปลี่ยน สัญญาณรับส่งข้อมูลจึงไม่มีผลกับกำลังสูญเสียทางแสง คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไม่สามารถรบกวนได้ ปัญหาที่สำคัญของสายสัญญาณ แบบทองแดง คือ การเหนี่ยวนำโดยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ปัญหานี้มีมาก ตั้งแต่เรื่องการรบกวนระหว่างตัวนำหรือเรียกว่า Crosstalk การไม่แมตซ์พอดีทางอิมพีแดนซ์ ทำให้มีคลื่นสะท้อนกลับ การรบกวนจากปัจจัย ภายนอกที่เรียกว่า EMI ปัญหาเหล่านี้สร้างให้ผู้ใช้ต้องหมั่นดูแล แต่สำหรับเส้นใยแก้วนำแสง แล้ว ปัญหาเรื่องเหล่านี้จะไม่มี เพราะแสงเป็นพลังงานที่มีพลังงานเฉพาะ และไม่ถูกรบกวนโดยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า การเดินทาง ในเส้นแก้วก็ปราศจากการรบกวนของแสงจากภายนอก<br /><br /><span style="color:#ff0000;">น้ำหนักเบา</span><br />เส้นใยแก้วนำแสงมีน้ำหนักเบากว่าเส้นลวดตัวนำทองแดง น้ำหนัก ของเส้นใยแก้วนำแสงขนาด 2 แกนที่ใช้ทั่วไป มีน้ำหนักเพียงประมาณ 20 ถึง 50 เปอร์เซนต์ของสาย UTP แบบ CAT 5<br /><br /><span style="color:#ff0000;">ขนาดเล็ก</span><br />เส้นใยแก้วนำแสงมีขนาดทางภาคตัดขวางแล้ว เล็กกว่าลวดทองแดง มาก ขนาดของเส้นใยแก้วนำแสง เมื่อรวมวัสดุหุ้มแล้วมีขนาดเล็กกว่าสายยูทีพี โดยขนาดของสายใยแก้วนี้ใช้พื้นที่ประมาณ 15 เปอร์เซนต์ ของเส้นลวดยูทีพีแบบ CAT 5 มีความปลอดภัยในเรื่องข้อมูลสูงกว่า การใช้เส้นใยแก้วนำแสงมีลักษณะใช้ แสงเดินทางในข่าย จึงยากที่จะทำการแท๊ปหรือทำการดักฟังข้อมูล มีความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินการที่เส้นใยแก้วเป็นฉนวนทั้งหมด จึงไม่นำกระแสไฟฟ้า การลัดลงจร การเกิดอันตรายจากกระแสไฟฟ้าจึงไม่เกิดขึ้น<br /><br /><span style="color:#ff0000;">เส้นใยแก้วนำแสงมีราคาแพง</span><br />แนวโน้มทางด้านราคามีการเปลี่ยนแปลงราคาของเส้นใยแก้วนำแสงลดลง จนในขณะนี้ยังแพงกว่าสายยูททีพีอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มากนักนอกจากนี้หลายคนยังเข้าใจว่า การติดตั้งเส้นใยแก้วนำแสงมีข้อยุ่งยาก และต้องใช้คนที่มีความรู้ความชำนาญ เสียค่าติตั้งแพง ความคิดนี้ก็คงไม่จริง เพราะการติดตั้งทำได้ไม่ยากนักเนื่องจากมีเครื่องมือพิเศษช่วยได้มาก เครื่องมือพิเศษนี้สามารถเข้าหัวสายได้โดยง่ายกว่าแต่เดิมมาก อีกทั้งราคาเครื่องมือก็ถูกลงจนมีผู้รับติดตั้งได้ทั่วไป<br /><br /><span style="color:#ff0000;">เส้นใยแก้วนำแสงยังไม่สามารถใช้กับเครื่องที่ตั้งโต๊ะได้</span><br />ปัจจุบันพีซีที่ใช้ส่วนใหญ่ต่อกับแลนแบบอีเธอร์เน็ต ซึ่งได้ความเร็ว 10 เมกะบิต การเชื่อมต่อกับแลนมีหลายมาตรฐาน โดยเฉพาะปัจจุบันหากใช้ความเร็วเกินกว่า 100 เมกะบิต สายยูทีพีรองรับไม่ได้ เช่น เอทีเอ็ม 155 เมกะบิต แนวโน้มของการใช้งานระบบเครือข่ายมีทางที่ต้องใช้แถบกว้างสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะเมื่อต้องการให้พีซีเป็นมัลติมีเดียเพื่อแสดงผลเป็นภาพวิดีโอ การใช้เส้นใยแก้วนำแสงดูจะเป็นทางออก พัฒนการของการ์ดก็ได้พัฒนาไปมากเอทีเอ็มการ์ดใช้ความเร็ว 155 เมกะบิต ย่อมต้องใช้เส้นใยแก้วนำแสงรองรับ การใช้เส้นใยแก้นำแสงยังสามารถใช้ในการส่งรับวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ หรือสัญญาณประกอบอื่น ๆ ได้ดีtorreshttp://www.blogger.com/profile/11711378243627183616noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7536008324853657428.post-3354848087646924342008-09-04T02:20:00.000-07:002008-09-04T02:23:46.330-07:00สรุปคำสั่ง OSPFOSPF เป็นเร้าติ้งโปรโตคอลที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใช้บนเน็ตเวิร์ก IP โดยคณะทำงาน Interior Gateway Protocol (IGP) ย่อยแห่งคณะกรรมการ Internet Engineering Task Force (IETF) คณะทำงานนี้ได้ถูกก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1998 เพื่อทำหน้าที่ออกแบบเร้าติ้งโปรโตคอลที่ใช้บนเน็ตเวิร์กภายในองค์กร โดยมีพื้นฐานมาจากอัลกอริทึมในทางคอมพิวเตอร์แบบ Shortest Path First (SPF) อัลกอริทึมนี้มีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า Dijkstra’S Algorithm ซึ่งเป็นชื่อที่ตั้งตามชื่อของนักคณิตศาสตร์ที่เป็นผู้ออกแบบและคิดค้นอับกอริทึมนี้OSPFได้รับการออกแบบมาเพื่อเอาชนะข้อจำกัดต่าง ๆที่เคยมีในเร้าติ้งโปรโตคอลแบบ Distance Vector OSPF นั้นสามารถตอบสนองได้รวดเร็วต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในเน็ตเวิร์ก และมีการส่ง “triggered updates” ไปในทันทีโดยอัตโนมัติ และส่ง “Periodix update” ไปทุก ๆ ช่วงเวลาเช่น ทุก ๆ 30 นาที นอกจากนั้นยังมีกลไกล ที่ดีในการตรวจสอบสถานการณ์สื่อสาร ระหว่างเร้าเตอร์ปัจจุบันกับเร้าเตอร์ข้างเคียงต่าง ๆ ด้วย “ Hello Mechanism”โดยสรุปแล้ว OSPF มีคุณลักษณะที่สำคัญได้แก่<br />- เป็นเร้าติ้งโปรโตคอลมาตรฐานและเป็นมาตรฐานสากล ข้อกำหนดและพฤติกรรมต่าง ๆ ได้รับการอธิบายไว้อย่างชัดเจนใน RFC (Request for Comments) IETF ได้พัฒนา OSPF ขึ้นมาในปี 1988 ส่วนเวอร์ชันล่าสุดซึ่งรู้จักกันในนาม OSPF เวอร์ชัน 2 ได้รับการอธิบายไว้ใน RFC 2328<br />- เป็นเร้าติ้งโปรโตคอลที่อาศัยการอัปเดตสถานะของเน็ตเวิร์กอินเตอร์เฟซไปให้กับเร้าเตอร์เพื่อบ้านแล้วให้เร้าเตอร์เพื่อนบ้านสร้างภาพรวมของเน็ตเวิร์กทั้งหมด และคำนวณหาเส้นทางเอง แต่จะไม่ ส่งเร้าติ้งเทเบิลทั้งตารางไปให้เร้าเตอร์เพื่อนบ้านเหมือนกันในกรณีของ Distance Vector<br />- มีการเลือกเส้นทางที่สั้นที่สุดโดยพิจารณาจากแบนด์วิดธ์ (Bandwidth)<br />-รองรับการตั้งแอดเดรสแบบมีจำนวนบิตของ Subnet Mask ไม่เท่ากัน (Variable Length Subnet Mask: VLSM) และมีการส่ง Subnet Mask ไปให้เร้าเตอร์เพื่อนบ้านด้วย<br />-รองรับการสร้างสิ่งที่เรียกว่า “OSPF Area” ซึ่งสามารถทำให้เน็ตเวิร์กที่ใช้งาน OSPF สามารถจัดแบ่งเน็ตเวิร์กออกเป็นโซนหรือพื้นที่ย่อย ๆ ได้ (เรียกว่าการแบ่ง Area) ทั้งนี้เพื่อจำกัดสโคป หรือขอบเขตของการเปลี่ยนแปลงเน็ตเวิร์กโทโพโลยี<br />-รอบรับการทำ “Route summarization”<br />-รองรับการทำการกระจายแพ็กเก็ตไปบนเส้นทางที่มีแบนด์วิดธ์เท่ากัน<br />-สามารถทำ “Route authentication” ระหว่างเร้าเตอร์เพื่อตรวจสอบตัวตนซึ่งกันและกันก่อนที่จะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน-ไวมากต่อพฤติกรรมการเปลี่ยนแปลงเน็ตเวิร์กโทโพโลยี (Fast convergence) Wireshark เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการดักจับ Packet ที่มีการรับส่งกันบนเครือข่าย ในการดักจับ Packet นั้น โปรแกรม Wireshark นั้นจะต้องทำงานที่เครื่องคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายนั้นNetwork Diagram ที่ใช้ Wireshark ในการดักจับ packet แสดงภาพของ Network Diagram ที่ใช้ในการดักจับ Packet ของการทำงานของ Open Shortest Path First (OSPF) Protocol ซึ่งจะเป็นการติดต่อเปลี่ยนแปลง Update Routing Protocol ระหว่าง Core Switch และ Router ใน Area เดียวกับการค้นหาเร้าเตอร์ ข้างเคียงที่รัน OSPF จะเกิดขึ้นด้วยการส่งแพ็กเก็ตพิเศษที่เรียกว่า HELLO PACKET ออกไปไปโดยใช้มัลติคาสก์แอดเดรส 224.0.0.5 หลังจากนั้นแอดเดรสของเร้าเตอร์ ข้างเคียงที่ค้นพบได้จะถูกเก็บไว้ในตาราง OSPF Neighbor Tableผลลัพธ์ที่ได้จะแสดงหมายเลข IP Address ของเร้าเตอร์ และ Switch ข้างเคียง แต่ละตัวที่ค้นพบได้ทางซีเรียสอินเตอร์เฟซต่างๆ กัน เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนบ้านถูกสร้างขึ้นได้สำเร็จ สถานะ (State) ที่เห็นจะอยู่ในสถานะ FULL หลังจากฟอร์มความสัมพันธ์ระหว่างกันได้แล้ว เร้าเตอร์จะมีการส่ง Hello packet ออกไปให้เร้าเตอร์เพื่อนบ้านทุก ๆ ระยะๆ ตามช่วงเวลาที่เรียกว่า Hello Interval เพื่อยืนยันว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่ หากเร้าเตอร์ไม่ได้ รับ HELLO PACKET มาจาเร้าเตอร์เพื่อนบ้านหลังจากช่วงเวลาที่เรียกว่า Dead Interval ผ่านไปมันตะถือว่าเร้าเตอร์เพื่อนบ้านนั้น ๆ ได้ดาวน์ลงไปรูปแบบของ Hello Packetในการสร้างความสัมพันธ์ของ Protocol OSPF จาก Core Switch ที่มี Source IP Address เป็น 172.18.19.252 ซึ่งมี Destination IP Address เป็น 244.0.0.5 (Multicast Address)BGP (Border Gateway Protocol) เป็นโปรโตคอลเลือกเส้นทางประเภท Exterior Gateway Routing ที่ใช้เพื่อการเชื่อมต่อเราเตอร์ (Router) และเครือข่ายที่อยู่ต่างโดเมน (Domain) กันบนอินเทอร์เน็ตBGP ใช้ Protocol TCP Port หมายเลข 179 เพื่อใช้ในการขนถ่ายข้อมูลข่าวสาร โดยมีการใช้ TCP เพื่อการสถาปนาการเชื่อมต่อก่อนจะแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างเราเตอร์ BGP ทั้งสอง (Peer Router) จากนั้นก็จะทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งการเปิดสัมพันธไมตรีก่อนที่จะแลกเปลี่ยนข่าวสารระหว่างกันต่อไปข้อมูลข่าวสารที่เราเตอร์ทั้งสองใช้เพื่อการแลกเปลี่ยนกัน รวมไปถึงข่าวสารที่แสดงถึงความสามารถในการเข้าถึงกันได้ โดยข่าวสารนี้เป็นในรูปแบบของเลขหมาย AS ของแต่ละฝ่าย ซึ่งต่างฝ่ายถือเป็นเส้นทางในการเข้าหากัน ข้อมูลนี้จะช่วยให้เราเตอร์สามารถสร้างผังของเส้นทางที่ปราศจากลูป (Loop) ในการเข้าหากัน อีกทั้งเราเตอร์ยังใช้เพื่อเป็นการกำหนดเส้นทางเชิงนโยบายที่มีเนื้อหาที่กำหนดข้อจำกัดต่าง ๆจุดประสงค์ของการใช้ BGP<br />1.BGP ให้ประโยชน์อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะการเชื่อมต่อเครือข่ายต่าง ๆ รวมทั้งลูกค้า และผู้ให้บริการโทรศัพท์ รวมทั้งเครือข่ายอื่น ๆ<br />2.BGP เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายในรูปแบบของ Autonomous ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน<br />3.BGP เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายในระดับ Enterprise หากองค์กรของท่านมีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตแบบหลายเชื่อมต่อเพื่อผลแห่ง Redundancy BGP ก็สามารถทำ Load Balancing Traffic ได้บนเส้นทางที่เป็น Redundant Link<br />4.จัดเลือกเส้นทางผ่านทางเครือข่ายไปยัง Autonomous System อื่น ๆ ที่เชื่อมต่อกัน<br />5.มีการเชื่อมต่อระหว่าง Autonomous System มากกว่า 1 เส้น<br />6.ควบคุมการลำเลียงข้อมูลข่าวสารที่วิ่งไปมาระหว่างระบบ Autonomous System7.ท่านยังสามารถใช้ Policy ที่กำหนดให้ท่านสามารถเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดเพื่อเดินทางไปสู่ปลายทางRIP (Routing Information Protocol) เป็นโปรโตคอลที่ใช้อย่างกว้างขวาง สำหรับการจัดการสารสนเทศของ router ภายในเครือข่าย เช่น เครือข่าย LAN ของบริษัท หรือการติดต่อภายในกลุ่ม ของเครือข่าย RIP ได้รับการจัดชั้นโดย Internet Engineering Task Force (IETF) ให้เป็นหนึ่งในโปรโตคอลของ Internet Gateway Protocol (หรือ Interior Gateway Protocol)การใช้ RIP, gateway host (ที่มี router) จะส่งตาราง routing (ซึ่งมีรายการของ host ทั้งหมดที่ทราบ) ไปยัง host ใกล้เคียงทุก 30 วินาที host ใกล้เคียง จะส่งต่อสารสนเทศไปยัง host ต่อไป จนกระทั่งภายในเครือข่าย จะมีข้อมูลเส้นทางเหมือนกัน สถานะนี้เรียกว่า network convergence การหาระยะของเครือข่าย RIP ใช้การนับแบบ hop เป็นวิธีการในการค้นหา (โปรโตคอลอื่นใช้อัลกอริทึมที่ทันสมัยกว่า เช่น เวลา) แต่ละ host ที่มี router ในเครือข่ายใช้ตารางสารสนเทศ routing ในการค้นหา host ต่อไป เพื่อหาเส้นทางให้กับแพ็คเกต สำหรับปลายทางที่กำหนดRIP ได้รับการพิจารณาว่าคำตอบที่มีประสิทธิผล สำหรับเครือข่าย homogeneous ขนาดเล็ก สำหรับเครือข่ายที่ซับซ้อน การส่งผ่านตาราง routing ทุก 30 วินาทีของ RIP อาจจะทำให้จำนวนรวม ของการใช้เครือข่ายหนาแน่นขึ้นtorreshttp://www.blogger.com/profile/11711378243627183616noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7536008324853657428.post-12975943912314051792008-08-05T21:31:00.000-07:002008-08-05T21:36:02.092-07:00การสอบ ccna ccnp ccie<span style="font-family:arial;">การสอบ CCNA</span><br /><span style="font-family:arial;">- ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ network media</span><br /><span style="font-family:arial;">- การคอนฟิก router เบื้องต้นโดยใช้ Cisco IOS commands</span><br /><span style="font-family:arial;">- การติดตั้ง และคอนฟิกเน็ตเวิร์กบน LAN, WAN</span><br /><span style="font-family:arial;">- เข้าใจ และสามารถคอนฟิก routable protocols (IP, IPX, Apple Talk, etc.)</span><br /><span style="font-family:arial;">- เข้าใจ และสามารถคอนฟิก routing protocols (RIP, IGRP, EIGRP, etc.)</span><br /><span style="font-family:arial;">- ระบบความปลอดภัยบนเน็ตเวิร์กสถานที่คือกรุงเทพกับเชียงใหม่ส่วนค่าใช้จ่ายในการสอบ ประมาณ 8900 </span><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">การสอบ CCNP</span><br /><span style="font-family:arial;">CCNP certification (Cisco Certified Network Professional) เป็น Network Specialist Certification ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ผู้ที่ได้รับ CCNP Certified นั้นมีความสามารถในการติดตั้ง, ปรับแต่งและแก้ปัญหากับอุปกรณ์ Routers Router, LAN Switching ตลอดจน Access Server </span><br /><span style="font-family:arial;">ในระดับ enterprise ขององค์กรได้ ทั้งนี้ข้อสอบใหม่ จะเน้นหัวข้อเนื้อหาใหม่ในด้าน security,converged networks, quality of service (QoS), virtual private networks (VPN) และ broadband technologies.ใ</span><br /><span style="font-family:arial;">นการสอบ CCNP มีทั้งหมด 4 วิชาราคาสอบอยู่ที่ประมาณ 6,450 บาทครับ ทุกวิชาเท่ากันหมดครับ</span><br /><span style="font-family:arial;">สถานที่สอบที่ VNOHOW</span><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">การสอบ CCIE</span><br /><span style="font-family:arial;">CCIE - Cisco Certified Internetwork Expert CCIE เป็น Cert ระดับสูงของ cisco โดยจะมี 4 Track ย่อยๆ แบ่งไปตามลักษณะของการทำงาน เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของ Cisco โดยแต่ละ Track จะแยกจากกันอย่างสิ้นเชิง หากต้องการทำงานในด้านใดในระดับสูง ก็เลือกจากข้อสอบในส่วนนี้Track ย่อยประกอบไปด้วยCCIE Service Provider CCIE Routing and Switching CCIE Security CCIE VoiceCisco Certified Internetwork Expert (CCIE) เป็นประกาศนียบัตรขั้นสูงสุดในส่วนของ Network Installation and Support Certificationและ Communication and Services Certification</span><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">สถานที่สอบ</span><br /><span style="font-family:arial;">1. Bangalore (บังกาลอร์,อินเดีย) </span><br /><span style="font-family:arial;">2. Beijing (ไบจิง,จีน) </span><br /><span style="font-family:arial;">3. Brussels (กรุงบรัสเซล,เบลเยี่ยม)</span><br /><span style="font-family:arial;">4. Dubai (ดูไบ)</span><br /><span style="font-family:arial;">5. Hongkokg (ฮ่องกง)</span><br /><span style="font-family:arial;">6. Research Triangle Park (RTP) </span><br /><span style="font-family:arial;">7. San Jose (สองสถานที่ข้างต้น 6,7 อยู่แถวๆโซนอเมริกา)</span><br /><span style="font-family:arial;">8. Sao_Paolo (เซ้าเปาโล,บราซิล)</span><br /><span style="font-family:arial;">9. Sydney (ซิดนีย์,ออสเตรเลีย)</span><br /><span style="font-family:arial;">10. Tokyo (โตเกียว,ญี่ปุ่น)ค่าใช้จ่ายในเรื่อง CCIE Boot CAMP 250000 บาท ค่าสอบ มาคือว่าWriting ค่าสอบ 300 เหรียญ หรือ 10500 บาทLab ค่าสอบ 1250 เหรียญ หรือ 43750 บาทไหนจะค่าบินไปสอบ ค่ากินก็คงตกอยู่ประมาณ 10000 บาท </span>torreshttp://www.blogger.com/profile/11711378243627183616noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7536008324853657428.post-5058321177719784522008-08-05T19:41:00.000-07:002008-08-05T21:28:29.283-07:00สอบย่อยครั้งที่ 2 ข้อสอบ 15 ข้อ<span style="font-family:arial;">1. Router มีกี่โหมด อะไรบ้าง อธิบายให้ละเอียดตอบ </span><br /><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;"><span style="font-family:Georgia;"><span style="color:#ff0000;"><span style="font-family:arial;">ตอบ</span> </span>Router </span>มีอยู่ 2 แบบ หลักๆ </span><br /><br /><span style="font-family:arial;">ได้แก่- แบบสเตติก (Static Route)- แบบไดนามิก (Dynamic Route)</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">Static คือการเลือกเส้นทางแบบ Static นี้ การกำหนดเส้นทางการคำนวณเส้นทางทั้งหมด กระทำโดยผู้บริหาจัดการเครือข่าย ค่าที่ถูกป้อนเข้าไปในตารางเลือกเส้นทางนี้มีค่าที่ตายตัว ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นใดๆ บนเครือข่าย จะต้องให้ผู้บริหารจัดการดูแล เครือข่า เข้ามาจัดการทั้งสิ้น อย่างไรก็ดีการใช้ วิธีการทาง Static เช่นนี้ มีประโยชน์เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมดังนี้-เหมาะสำหรับเครือข่ายที่มีขนาดเล็ก-เพื่อผลแห่งการรักษาความปลอดภัยข้อมูล เนื่องจากสามารถแน่ใจว่า ข้อมูลข่าวสารจะต้องวิ่งไปบนเส้นทางที่กำหนดไว้ให้ ตายตัว-ไม่ต้องใช้ Software เลือกเส้นทางใดๆทั้งสิ้น-ช่วยประหยัดการใช้ แบนวิดท์ของเครือข่ายลงได้มาก เนื่องจากไม่มีปัญหาการ Broadcast หรือแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่าง Router ที่มาจากการใช้โปรโตคอลเลือกเส้นทางการจัดตั้ง Configuration สำหรับการเลือกเส้นทางแบบ Staticเป็นที่ทราบดีแล้วว่า การเลือกเส้นทางแบบ Static เป็นลักษณะการเลือกเส้นทางที่ถูกกำหนดโดยผู้จัดการเครือข่าย เพื่อกำหนดเส้นทางการเดินทางของข้อมูลที่ตายตัว หรือเจาะจงเส้นทางปกติ Router สามารถ Forward Packet ไปข้างหน้า บนเส้นทางที่มันรู้จักเท่านั้น ดังนั้นการกำหนดเส้นทางเดินของแพ็กเก็ตให้กับ Router จึงควรให้ความระมัดระวังวิธีการจัด Configure แบบ Static Route ให้กับ Router Cisco ให้ใส่คำสั่ง ip route ลงไปที่ Global Configuration Mode มีตัวอย่างการใช้คำสั่ง ดังนี้ip route network [ mask ] {address interface} [distance] [permanent]</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">-Network เครือข่าย หรือ Subnet ปลายทาง</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">-Mask หมายถึงค่า Subnet mask</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">-Address IP Address ของ Router ใน Hop ต่อไป</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">-Interface ชื่อของ Interface ที่ใช้เพื่อเข้าถึงที่หมายปลายทาง</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">-Distance หมายถึง Administrative Distance</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">-Permanent เป็น Option ถูกใช้เพื่อกำหนด เส้นทางที่ตั้งใจว่าจะไม่มีวันถอดถอนทิ้ง ถึงแม้ว่า จะปิดการใช้งาน Interface ก็ตาม</span><br /><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><br /><span style="font-family:arial;">Dynamic คือ </span><br /><br /><span style="font-family:arial;">Exterior Gateway Routing </span><br /><br /><span style="font-family:arial;">ProtocolDistance Vector Routing </span><br /><br /><span style="font-family:arial;">ProtocolLink State Routing Protocol</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">เนื่องจาก จุดประสงค์ของการเขียนบทความนี้ ก็เพื่อให้ท่านผู้อ่านมีแนวคิดในการจัดตั้งเครือข่ายและอุปกรณ์ Router เพื่อเชื่อมต่อกันระหว่างเครือข่าย และเนื่องจากขอบข่ายของหลักวิชาการด้านนี้ ค่อนข้างกว้าง จึงขอตีกรอบให้แคบลง โดยจะขอกล่าวถึงรายละเอียดเพียงบางส่วนในการจัดตั้ง Router ที่ท่านสามารถนำไปใช้ได้ รู้จักกับ Distance Vector Routing Protocol Distance Vector เป็นโปรโตคอลเลือกเส้นทางที่ Router ใช้เพื่อการสร้างตาราง Routing และจัดการนำแพ็กเก็ต ส่งออก ไปยังเส้นทางที่กำหนด โดย อาศัยข้อมูลเกี่ยวกับระยะทาง เช่น Hop เป็นตัวกำหนดว่า เส้นทางใดเป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ที่จะนำแพ็กเก็ตส่งออกไปที่ปลายทาง โดยถือว่า ระยะทางที่ใกล้ที่สุด เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด และแอดเดรส ของเครือข่ายปลายทางเป็น VectorDistance Vector บางครั้งจะถูกเรียกว่า "Bellman-Ford Algorithm" ซึ่งโปรโตคอลนี้ จะทำให้ Router แต่ละตัว ที่อยู่บนเครือข่ายจะต้องเรียนรู้ลักษณะของ Network Topology โดยการแลกเปลี่ยน Routing Information ของตัวมันเอง กับ Router ที่เชื่อมต่อกันเป็นเพื่อนบ้าน โดยตัว Router เองจะต้องทำการจัดสร้างตารางการเลือกเส้นทางขึ้นมา โดยเอาข้อมูล ข่าวสารที่ได้รับจากเครือข่ายที่เชื่อมต่อกับมันโดยตรง ( ข้อมูลนี้ครอบคลุมไปถึงระยะทางระหว่าง Router ที่เชื่อมต่อกัน)หลักการทำงานได้แก่การที่ Router จะส่งชุด สำเนาที่เป็น Routing Information ชนิดเต็มขั้นของมันไปยัง Router ตัวอื่นๆ ที่เชื่อมต่ออยู่กับมันโดยตรง ด้วยการแลกเปลี่ยน Routing Information กับ Router ตัวอื่นๆ ที่เชื่อมต่อกับมันโดยตรงนี้เอง ทำให้ Router แต่ละตัว จะรู้จักซึ่งกันและกัน หรือรู้เขารู้เรา กระบวนการแลกเปลี่ยนนี้ จะดำเนินต่อไปเป็นห้วงๆ ของเวลาที่แน่นอนDistance Vector Algorithm ค่อนข้างเป็นแบบที่เรียบง่าย อีกทั้งออกแบบเครือข่ายได้ง่ายเช่นกัน ปัญหาหลักของของ Distance Vector Algorithm ได้แก่ การคำนวณเส้นทาง จะซับซ้อนขึ้น เมื่อขนาดของเครือข่ายโตขึ้นตัวอย่างของโปรโตคอลที่ทำงานภายใต้ Distance Vector Algorithm ได้แก่ อาร์ไอพี (RIP) หรือ Routing Information ProtocolLink State RoutingLink State Routing ถูกเรียกว่า "Shortest Path First (SPF)" Algorithm ด้วย Link State Routing นี้ Router แต่ละตัวจะทำการ Broadcast ข้อมูลข่าวสารออกมายัง Router ที่เชื่อมต่อกับมันโดยตรงแบบเป็นระยะๆ ข้อมูลข่าวสารนี้ยังครอบคลุมไป ถึงสถานะของการเชื่อมต่อระหว่างกันด้วยวิธีการของ Link State นี้ Router แต่ละตัวจะทำการสร้างผังที่สมบูรณ์ของเครือข่ายขึ้น จากข้อมูลที่มันได้รับจาก Router อื่นๆทั้งหมด จากนั้นจะนำมาทำการคำนวณเส้นทางจากผังนี้โดยใช้ Algorithm ที่เรียกว่า Dijkstra Shortest Path AlgorithmRouter จะเฝ้าตรวจสอบดูสถานะของการเชื่อมต่ออย่างต่อเนื่อง โดยการแลกเปลี่ยนระหว่างแพ็กเก็ตกับ Router เพื่อนบ้าน แต่หาก Router ไม่ตอบสนองต่อความพยายามที่จะติดต่อด้วย หลายๆครั้ง การเชื่อมต่อก็จะถือว่าตัดขาดลง แต่ถ้าหากสถานะ ของ Router หรือการเชื่อมต่อเกิดการเปลี่ยนแปลง ข้อมูลข่าวสารนี้จะถูก Broadcast ไปยัง Router ทั้งหมดที่อยู่ในเครือข่ายการจัดตั้ง Configure ให้กับวิธี การจัดเลือกเส้นทางแบบ Dynamicในการจัดตั้งค่าสำหรับการเลือกเส้นทาง (Routing) แบบ Dynamic จะมี 2 คำสั่งสำหรับการใช้งาน ได้แก่ คำสั่ง Router และ Network โดยคำสั่ง Router เป็นคำสั่งที่ทำให้เริ่มต้นการเกิดกระบวนการเลือกเส้นทางขึ้น รูปแบบของคำสั่งมีดังนี้Router (config)#router protocol [keyword]ต่อไปนี้เป็นคำอธิบายรายละเอียดของรูปแบบคำสั่งProtocol เป็นโปรโตคอลเลือกเส้นทางแบบใดแบบหนึ่ง ระหว่าง RIP IGRP OSPF หรือ Enhanced IGRPKeyword ตัวอย่าง เช่น เลขหมายของ Autonomous ซึ่งจะถูกนำมาใช้กับโปรโตคอลที่ต้องการระบบ Autonomous ได้แก่ โปรโตคอล IGRP คำสั่ง Network ก็เป็นคำสั่งที่มีความจำเป็นต่อการใช้งานเช่นกัน เนื่องจากมันสามารถกำหนดว่า Interface ใดที่จะเกี่ยวข้องกับการรับหรือส่ง Packet เพื่อการ Update ตารางเลือกเส้นทาง ขณะเกิดกระบวนการเลือกเส้นทางขึ้นคำสั่ง Network จะเป็นคำสั่งที่ทำให้ โปรโตคอลเลือกเส้นทางเริ่มต้นทำงานบน Interface ต่างๆ ของ Router อีกทั้งยังทำให้ Router สามารถโฆษณาประชาสัมพันธ์เครือข่ายที่ตนดูแลอยู่ ได้อีกด้วย รูปแบบของคำสั่งมีดังนี้Router (config-router)#network network- numberNetwork-number ในที่นี้หมายถึง เครือข่ายที่เชื่อมต่อกันโดยตรง และ Network Number จะต้องอยู่ในมาตรฐาน เลขหมาย ของ INTERNIC</span><br /><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><br /><span style="font-family:arial;">2.จงบอกคำสั่งในแต่ละโหมดมาอย่างน้อย 5 คำสั่ง</span><br /><br /><span style="font-family:arial;"><span style="color:#ff0000;">ตอบ</span> คำสั่งaccess-enable</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">เป็นการสร้าง Access List entry ชั่วคราว</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">clear</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">เป็นการ reset ค่า configure ต่างๆที่ท่านสร้างขึ้นชั่วคราว</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">connect</span><br /><span style="font-family:arial;">ใ</span><span style="font-family:arial;">ช้เพื่อ เปิด connection กับ terminal</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">disable</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">ปิดหรือยกเลิกคำสั่งที่อยู่ใน Privileged mode</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">enable</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">เข้าสู่ privileged Exec mode</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">exit</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">ออกจากการใช้ User Exec mode</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">help</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">ใช้เพื่อแสดงรายการ help</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">lat</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">เปิดการเชื่อมต่อกับ LAT (เครือข่าย VAX)</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">lock</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">ใช้เพื่อ lock terminal</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">login</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">เข้ามาเป็น userlogout</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">login</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">exit ออกจาก EXE</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">Cmrinfo</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">ใช้เพื่อการร้องขอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ Version และสถานะของ Router เพื่อนบ้านจาก multicast router ตัวหนึ่ง</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">mstat</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">แสดงสถิติหลังจากที่ได้ตามรอยเส้นทางแบบ Multicast ของ Router แล้ว</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">mtrace</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">ใช้ติดตามดู เส้นทาง Multicast แบบย้อนกลับจาก ปลายทางย้อนกลับมาที่ต้นทาง</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">name-connection</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">เป็นการให้ชื่อกับ การเชื่อมต่อของเครือข่ายที่กำลังดำเนินอยู่</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">pad</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">เปิดการเชื่อมต่อ X.25 ด้วย X.29 PAD</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">Ping</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">ใช้เพื่อทดสอบการเชื่อมต่อ</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">ppp</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">ใช้เรียกการเชื่อมต่อแบบ PPP</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">resumeใช้เพื่อการ กลับเข้าสู่การเชื่อมต่อของเครือข่ายอีกครั้ง</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">rlogin</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">เปิดการเชื่อมต่อ remote Login กับ Server ระยะไกล</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">show</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">แสดงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการทำงานของ Routerในปัจจุบัน</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">slip</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">เริ่มการใช้งาน Slip (serial line protocol)</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">systat</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">เป็นการแสดงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ Terminal Line เช่นสถานะของระบบ</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">telnet</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">เป็นการเปิด การเชื่อมต่อทาง Telnet</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">terminal</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">เป็นการจัดParameter ของ Terminal Line</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">traceroute</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">เป็นการใช้ Traceroute เพื่อการติดตามไปดู ระบบที่อยู่ปลายทาง</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">tunnel</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">เปิดการเชื่อมต่อแบบ Tunnel</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">where</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">แสดงรายการ ของ Link ที่กำลัง Activeในปัจจุบัน</span><br /><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><br /><span style="font-family:arial;">3. Command prompt ในโหมดต่างๆ</span><br /><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">ตอบ</span><br /><br /><a name="2"><span style="font-family:arial;">Command Mode </span></a><br /><br /><span style="font-family:arial;">Command Mode หลักภายใน Cisco IOS ได้แก่</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">User Exec Mode</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">Privileged Exec Mode</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">Global ConfigurationMode</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">Interface Configuration</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">Boot Mode</span><br /><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><br /><span style="font-family:arial;">4. Use exec mode พร้อมรายละเอียด</span><br /><br /><span style="font-family:arial;"><span style="color:#ff0000;">ตอบ</span> Command Mode หลักภายใน Cisco IOS ได้แก่</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">User Exec Mode</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">Privileged Exec Mode</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">Global Configuration Mode</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">Interface Configuration</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">Boot Mode</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">User Exec Mode</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">User Exec Mode เป็นโหมดแรกที่ท่านจะต้อง Enter เข้าไป เมื่อRouter เริ่มทำงาน วิธีที่จะรู้ว่าท่านได้เข้าสู่ User Exec Mode จาก Prompt ของ Router ได้แก่ Prompt ที่แสดงบนหน้าจอ ได้แก่ ชื่อของ Router แล้วตามด้วยเครื่องหมาย > เช่น</span><br /><br /><div><span style="font-family:arial;"></span></div><span style="font-family:arial;">คำสั่งaccess-enable</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">เป็นการสร้าง Access List entry ชั่วคราว</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">clear</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">เป็นการ reset ค่า configure ต่างๆที่ท่านสร้างขึ้นชั่วคราว</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">connect</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">ใช้เพื่อ เปิด connection กับ terminal</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">disable</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">ปิดหรือยกเลิกคำสั่งที่อยู่ใน Privileged mode</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">disconnect</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">ยกเลิกการเชื่อมต่อใดๆกับ network</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">enable</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">เข้าสู่ privileged Exec mode</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">exit</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">ออกจากการใช้ User Exec mode</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">help</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">ใช้เพื่อแสดงรายการ help</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">lat</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">เปิดการเชื่อมต่อกับ LAT (เครือข่าย VAX)</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">lock</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">ใช้เพื่อ lock terminal</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">login</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">loginเข้ามาเป็น user</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">logout</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">exit ออกจาก EXEC</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">mrinfo</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">ใช้เพื่อการร้องขอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ Version และสถานะของ Router เพื่อนบ้านจาก multicast router ตัวหนึ่ง</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">mstat</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">แสดงสถิติหลังจากที่ได้ตามรอยเส้นทางแบบ Multicastของ Router แล้ว</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">mtrace</span><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">ใ</span><span style="font-family:arial;">ช้ติดตามดูเส้นทาง Multicast แบบย้อนกลับจาก ปลายทางย้อนกลับมาที่ต้นทาง</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">name-connection</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">เป็นการให้ชื่อกับ การเชื่อมต่อของเครือข่ายที่กำลังดำเนินอยู่</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">pad</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">เปิดการเชื่อมต่อ X.25 ด้วย X.29 PAD</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">Pingใช้เพื่อทดสอบการเชื่อมต่อ</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">pppใช้เรียกการเชื่อมต่อแบบPPP</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">resume</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">ใช้เพื่อการ กลับเข้าสู่การเชื่อมต่อของเครือข่ายอีกครั้ง</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">rloginเปิดการเชื่อมต่อ remote Login กับ Server ระยะไกล</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">showแสดงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการทำงานของ Router ในปัจจุบัน</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">slip</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">เริ่มการใช้งาน Slip (serial line protocol)</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">systat</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">เป็นการแสดงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ Terminal Line เช่นสถานะของระบบ</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">telnet</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">เป็นการเปิด การเชื่อมต่อทาง Telnet</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">terminal</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">เป็นการจัด Parameter ของ Terminal Line</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">traceroute</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">เป็นการใช้ Traceroute เพื่อการติดตามไปดู ระบบที่อยู่ปลายทาง</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">tunnel</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">เปิดการเชื่อมต่อแบบ Tunnel</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">where</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">แสดงรายการ ของ Link ที่กำลัง Active ในปัจจุบัน</span><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">5.คำสั่งที่ใช้ตรวจสอบสถานะของRout จงบอกอย่างน้อย 5 คำสั่ง</span><br /><span style="font-family:arial;"><span style="color:#ff0000;">ตอบ</span> access-enable</span><br /><span style="font-family:arial;">เป็นการสร้าง Access List entry ชั่วคราว</span><br /><span style="font-family:arial;">clear</span><br /><span style="font-family:arial;">เป็นการ reset ค่า configure ต่างๆที่ท่านสร้างขึ้นชั่วคราว</span><br /><span style="font-family:arial;">connect</span><br /><span style="font-family:arial;">ใช้เพื่อ เปิด connection กับ terminal</span><br /><span style="font-family:arial;">disable</span><br /><span style="font-family:arial;">ปิดหรือยกเลิกคำสั่งที่อยู่ใน Privileged mode</span><br /><span style="font-family:arial;">disconnect</span><br /><span style="font-family:arial;">ยกเลิกการเชื่อมต่อใดๆกับ network</span><br /><span style="font-family:arial;">enable</span><br /><span style="font-family:arial;">เข้าสู่ privileged Exec mode</span><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">6. การเลือกเส้นทางแบบ Static คืออะไร</span><br /><span style="font-family:arial;"><span style="color:#ff0000;">ตอบ</span> การเลือกเส้นทางแบบ Static นี้ การกำหนดเส้นทางการคำนวณเส้นทางทั้งหมด กระทำโดยผู้บริหาจัดการเครือข่าย ค่าที่ถูกป้อนเข้าไปในตารางเลือกเส้นทางนี้มีค่าที่ตายตัว ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นใดๆ บนเครือข่าย จะต้องให้ผู้บริหารจัดการดูแล เครือข่า เข้ามาจัดการทั้งสิ้น อย่างไรก็ดีการใช้ วิธีการทาง Static เช่นนี้ มีประโยชน์เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมดังนี้</span><br /><span style="font-family:arial;">-เหมาะสำหรับเครือข่ายที่มีขนาดเล็ก</span><br /><span style="font-family:arial;">-เพื่อผลแห่งการรักษาความปลอดภัยข้อมูล เนื่องจากสามารถแน่ใจว่า ข้อมูลข่าวสารจะต้องวิ่งไปบนเส้นทางที่กำหนดไว้ให้ ตายตัว</span><br /><span style="font-family:arial;">-ไม่ต้องใช้ Software เลือกเส้นทางใดๆทั้งสิ้น</span><br /><span style="font-family:arial;">-ช่วยประหยัดการใช้ แบนวิดท์ของเครือข่ายลงได้มาก เนื่องจากไม่มีปัญหาการ Broadcast หรือแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่าง Router ที่มาจากการใช้โปรโตคอลเลือกเส้นทางการจัดตั้ง Configuration สำหรับการเลือกเส้นทางแบบ Staticเป็นที่ทราบดีแล้วว่า การเลือกเส้นทางแบบ Static เป็นลักษณะการเลือกเส้นทางที่ถูกกำหนดโดยผู้จัดการเครือข่าย เพื่อกำหนดเส้นทางการเดินทางของข้อมูลที่ตายตัว หรือเจาะจงเส้นทางปกติ Router สามารถ Forward Packet ไปข้างหน้า บนเส้นทางที่มันรู้จักเท่านั้น ดังนั้นการกำหนดเส้นทางเดินของแพ็กเก็ตให้กับ Router จึงควรให้ความระมัดระวังวิธีการจัด Configure แบบ Static Route ให้กับ Router Cisco ให้ใส่คำสั่ง ip route ลงไปที่ Global Configuration Mode มีตัวอย่างการใช้คำสั่ง ดังนี้ip route network [ mask ] {address interface} [distance] [permanent]</span><br /><span style="font-family:arial;">-Network เครือข่าย หรือ Subnet ปลายทาง</span><br /><span style="font-family:arial;">-Mask หมายถึงค่า Subnet mask-Address IP Address ของ Router ใน Hop ต่อไป</span><br /><span style="font-family:arial;">-Interface ชื่อของ Interface ที่ใช้เพื่อเข้าถึงที่หมายปลายทาง</span><br /><span style="font-family:arial;">-Distance หมายถึง Administrative Distance</span><br /><span style="font-family:arial;">-Permanent เป็น Option ถูกใช้เพื่อกำหนด เส้นทางที่ตั้งใจว่าจะไม่มีวันถอดถอนทิ้ง ถึงแม้ว่า จะปิดการใช้งาน Interface ก็ตาม</span><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">7. การเลือกเส้นทางแบบ Dynamicคืออะไร</span><br /><span style="font-family:arial;"><span style="color:#ff0000;">ตอบ </span>dynamic คือ</span><br /><span style="font-family:arial;"> ประเภทของโปรโตคอลเลือกเส้นทางแบบ Dynamicโปรโตคอลเลือกเส้นทางแบบ Dynamic มีอยู่ หลายรูปแบบ ดังนี้Exterior Gateway Routing ProtocolDistance Vector Routing ProtocolLink State Routing Protocolเนื่องจาก จุดประสงค์ของการเขียนบทความนี้ ก็เพื่อให้ท่านผู้อ่านมีแนวคิดในการจัดตั้งเครือข่ายและอุปกรณ์ Router เพื่อเชื่อมต่อกันระหว่างเครือข่าย และเนื่องจากขอบข่ายของหลักวิชาการด้านนี้ ค่อนข้างกว้าง จึงขอตีกรอบให้แคบลง โดยจะขอกล่าวถึงรายละเอียดเพียงบางส่วนในการจัดตั้ง Router ที่ท่านสามารถนำไปใช้ได้ รู้จักกับ Distance Vector Routing ProtocolDistance Vector เป็นโปรโตคอลเลือกเส้นทางที่ Router ใช้เพื่อการสร้างตาราง Routing และจัดการนำแพ็กเก็ต ส่งออก ไปยังเส้นทางที่กำหนด โดย อาศัยข้อมูลเกี่ยวกับระยะทาง เช่น Hop เป็นตัวกำหนดว่า เส้นทางใดเป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ที่จะนำแพ็กเก็ตส่งออกไปที่ปลายทาง โดยถือว่า ระยะทางที่ใกล้ที่สุด เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด และแอดเดรส ของเครือข่ายปลายทางเป็น VectorDistance Vector บางครั้งจะถูกเรียกว่า "Bellman-Ford Algorithm" ซึ่งโปรโตคอลนี้ จะทำให้ Router แต่ละตัว ที่อยู่บนเครือข่ายจะต้องเรียนรู้ลักษณะของ Network Topology โดยการแลกเปลี่ยน Routing Information ของตัวมันเอง กับ Router ที่เชื่อมต่อกันเป็นเพื่อนบ้าน โดยตัว Router เองจะต้องทำการจัดสร้างตารางการเลือกเส้นทางขึ้นมา โดยเอาข้อมูล ข่าวสารที่ได้รับจากเครือข่ายที่เชื่อมต่อกับมันโดยตรง ( ข้อมูลนี้ครอบคลุมไปถึงระยะทางระหว่าง Router ที่เชื่อมต่อกัน)หลักการทำงานได้แก่การที่ Router จะส่งชุด สำเนาที่เป็น Routing Information ชนิดเต็มขั้นของมันไปยัง Router ตัวอื่นๆ ที่เชื่อมต่ออยู่กับมันโดยตรง ด้วยการแลกเปลี่ยน Routing Information กับ Router ตัวอื่นๆ ที่เชื่อมต่อกับมันโดยตรงนี้เอง ทำให้ Router แต่ละตัว จะรู้จักซึ่งกันและกัน หรือรู้เขารู้เรา กระบวนการแลกเปลี่ยนนี้ จะดำเนินต่อไปเป็นห้วงๆ ของเวลาที่แน่นอนDistance Vector Algorithm ค่อนข้างเป็นแบบที่เรียบง่าย อีกทั้งออกแบบเครือข่ายได้ง่ายเช่นกัน ปัญหาหลักของของ Distance Vector Algorithm ได้แก่ การคำนวณเส้นทาง จะซับซ้อนขึ้น เมื่อขนาดของเครือข่ายโตขึ้นตัวอย่างของโปรโตคอลที่ทำงานภายใต้ Distance Vector Algorithm ได้แก่ อาร์ไอพี (RIP) หรือ Routing Information ProtocolLink State RoutingLink State Routing ถูกเรียกว่า "Shortest Path First (SPF)" Algorithm ด้วยLink State Routing นี้ Router แต่ละตัวจะทำการ Broadcast ข้อมูลข่าวสารออกมายัง Router ที่เชื่อมต่อกับมันโดยตรงแบบเป็นระยะๆ ข้อมูลข่าวสารนี้ยังครอบคลุมไป ถึงสถานะของการเชื่อมต่อระหว่างกันด้วยวิธีการของ Link State นี้ Router แต่ละตัวจะทำการสร้างผังที่สมบูรณ์ของเครือข่ายขึ้น จากข้อมูลที่มันได้รับจาก Router อื่นๆทั้งหมด จากนั้นจะนำมาทำการคำนวณเส้นทางจากผังนี้โดยใช้ Algorithm ที่เรียกว่า Dijkstra Shortest Path AlgorithmRouter จะเฝ้าตรวจสอบดูสถานะของการเชื่อมต่ออย่างต่อเนื่อง โดยการแลกเปลี่ยนระหว่างแพ็กเก็ตกับ Router เพื่อนบ้าน แต่หาก Router ไม่ตอบสนองต่อความพยายามที่จะติดต่อด้วย หลายๆครั้ง การเชื่อมต่อก็จะถือว่าตัดขาดลง แต่ถ้าหากสถานะ ของ Router หรือการเชื่อมต่อเกิดการเปลี่ยนแปลง ข้อมูลข่าวสารนี้จะถูก Broadcast ไปยัง Router ทั้งหมดที่อยู่ในเครือข่ายการจัดตั้ง Configure ให้กับวิธี การจัดเลือกเส้นทางแบบ Dynamicในการจัดตั้งค่าสำหรับการเลือกเส้นทาง (Routing) แบบ Dynamic จะมี 2 คำสั่งสำหรับการใช้งาน ได้แก่ คำสั่ง Router และ Network โดยคำสั่ง Router เป็นคำสั่งที่ทำให้เริ่มต้นการเกิดกระบวนการเลือกเส้นทางขึ้น รูปแบบของคำสั่งมีดังนี้Router (config)#router protocol [keyword]ต่อไปนี้เป็นคำอธิบายรายละเอียดของรูปแบบคำสั่งProtocol เป็นโปรโตคอลเลือกเส้นทางแบบใดแบบหนึ่ง ระหว่าง RIP IGRP OSPF หรือ Enhanced IGRPKeyword ตัวอย่าง เช่น เลขหมายของ Autonomous ซึ่งจะถูกนำมาใช้กับโปรโตคอลที่ต้องการระบบ Autonomous ได้แก่ โปรโตคอล IGRPคำสั่ง Network ก็เป็นคำสั่งที่มีความจำเป็นต่อการใช้งานเช่นกัน เนื่องจากมันสามารถกำหนดว่า Interface ใดที่จะเกี่ยวข้องกับการรับหรือส่ง Packet เพื่อการ Update ตารางเลือกเส้นทาง ขณะเกิดกระบวนการเลือกเส้นทางขึ้นคำสั่ง Network จะเป็นคำสั่งที่ทำให้ โปรโตคอลเลือกเส้นทางเริ่มต้นทำงานบน Interface ต่างๆ ของ Router อีกทั้งยังทำให้ Router สามารถโฆษณาประชาสัมพันธ์เครือข่ายที่ตนดูแลอยู่ ได้อีกด้วย รูปแบบของคำสั่งมีดังนี้Router (config-router)#network network- numberNetwork-number ในที่นี้หมายถึง เครือข่ายที่เชื่อมต่อกันโดยตรง และ Network Number จะต้องอยู่ในมาตรฐาน เลขหมาย ของ INTERNIC</span><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">8. Protocal ที่เลือกเส้นทางแบบ dynamic มีอะไรบ้าง</span><br /><span style="font-family:arial;"><span style="color:#ff0000;">ตอบ</span> โปรโตคอลเลือกเส้นทางแบบ Dynamic มีอยู่ หลายรูปแบบ ดังนี้</span><br /><span style="font-family:arial;">1. Interior Gateway Routing Protocol</span><br /><span style="font-family:arial;">2.Exterior Gateway Routing Protocol</span><br /><span style="font-family:arial;">3. Distance Vector Routing Protocol</span><br /><span style="font-family:arial;">4. Link State Routing ProtocolInterior เป็น Protocol ที่ใช้แลกเปลี่ยนฐานความรู้ระหว่าง Roter ภายในองค์กรเดียวกัน ซึ่งได้แก่ RIP , IGRP ,EIGRP และ OSPF Exterior เป็น Protocol ที่ใช้แลกเปลี่ยนฐานความรู้ต่างองค์กรกันหรือความน่าเชื่อถือต่างกัน ซึ่งได้แก่ BGP, EGP Distance Vector เป็นโปรโตคอลเลือกเส้นทางที่ Router ใช้เพื่อการสร้างตาราง Routing และจัดการนำแพ็กเก็ตส่งออกไปยังเส้นทางที่กำหนด โดย อาศัยข้อมูลเกี่ยวกับระยะทาง เช่น Hop เป็นตัวกำหนดว่า เส้นทางใดเป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ที่จะนำแพ็กเก็ตส่งออกไปที่ปลายทาง โดยถือว่า ระยะทางที่ใกล้ที่สุด เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด และแอดเดรส ของเครือข่ายปลายทางเป็น VectorLink State Routing ถูกเรียกว่า "Shortest Path First (SPF)" Algorithm ด้วย Link State Routing นี้ Router แต่ละตัวจะทำการ Broadcast ข้อมูลข่าวสารออกมายัง Router ที่เชื่อมต่อกับมันโดยตรงแบบเป็นระยะๆ ข้อมูลข่าวสารนี้ยังครอบคลุมไปถึงสถานะของการเชื่อมต่อระหว่างกันRouting Protocols (เส้นทางการเชื่อมต่อ)Exterior routing Protocol (EGP) เป็นโปรโตคอล สำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลของ router ระหว่าง 2 เครือข่ายของ gateway host ในระบบเครือข่ายแบบอัตโนมัติ ซึ่ง EGP มีการใช้โดยทั่วไป ระหว่าง host บนอินเตอร์เน็ต เพื่อแลกเปลี่ยนสารสนเทศของตาราง routing โดยตาราง routing ประกอบด้วยรายการ router ตำแหน่งที่ตั้ง และเมทริกของค่าใช้จ่ายของแต่ละ router เพื่อทำให้สามารถเลือกเส้นทางที่ดีที่สุด กลุ่มของ router แต่ละกลุ่มจะใช้เวลาภายใน 120 วินาที ถึง 480 วินาที ในการส่งข้อมูลส่งตาราง routing ทั้งหมดไปยังเครือข่ายอื่น ซึ่ง EGP -2 เป็นเวอร์ชันล่าสุดของ EGP Border Gateway Protocol (BGP) เป็นโปรโตคอลสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลของเส้นทางระหว่าง gateway host (ซึ่งแต่ละที่จะมี router ของตัวเอง) ในเครือข่ายแบบอัตโนมัติ BGP มักจะได้รับการใช้ระหว่าง gateway host บนระบบอินเตอร์เน็ต ตาราง routing ประกอบด้วยรายการของ router ตำแหน่งและตารางค่าใช้จ่าย (cost metric) ของเส้นทางไปยังrouterแต่ละตัวเพื่อการเลือกเส้นทางที่ดีที่สุด host ที่ใช้การติดต่อด้วยประเภทของ Routing ภายใน Network ที่เชื่อมต่อกับเนตเวิคโดยตรงRouting Information Protocol (RIP) เป็นโปรโตคอลที่ใช้อย่างกว้างขวาง สำหรับการจัดการสารสนเทศของ router ภายในเครือข่าย เช่น เครือข่าย LAN ของบริษัท หรือการติดต่อภายในกลุ่ม ของเครือข่าย RIP ได้รับการจัดชั้นโดย Internet Engineering Task Force (IETF) ให้เป็นหนึ่งในโปรโตคอลของInternet Gateway Protocol (หรือ InteriorGatewayProtocol)Open Shortest Path First (OSPF) ถือเป็น เร้าติ้งโปรโตคอล (Routing Protocol) ตัวหนึ่งที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุดในระบบเน็ตเวิร์ก เนื่องจากมีจุดเด่นในหลายด้าน เช่น การที่ตัวมันเป็น Routing Protocol แบบ Link State, การที่มีอัลกอรึทึมในการค้นหาเส้นทางด้วยตัวเอง ซึ่งเปรียบเสมือนว่า ตัวของ เราเตอร์ที่รัน OSPF ทุกตัวเป็นรูท (Root) หรือ จุดเริ่มต้นของระบบไปยังกิ่งย่อยๆ หรือโหนด (Node) ต่างๆ ซึ่งเป็นเทคนิคในการลดเส้นทางที่วนลูป (Routing Loop) ของการ Routing ได้เป็นอย่างดีEnhance Interior Gateway Routing Protocol (EIGRP) นั้นถือได้ว่าเป็น เราติ้งโปรโตคอลที่มีความรวดเร็วสูงสุดของซิสโก้ในการค้นหาเส้นทางภายใน Intra-AS (Interior Routing Protocol: เราติ้งโปรโตคอลภายใน Autonomous System) ซึ่ง ในเราติ้งโปรโตคอลแบบ EIGRP นี้ จะเป็นการนำเอาข้อดีของการเราติ้งแบบ Distance Vector และ Link State มาผสมผสานกัน (ในหนังสือบางเล่มจะเรียก เราติ้งโปรโตคอลแบบนี้ว่า “Hybrid” (ลูกผสม) หรือ Advanced Distance Vector)</span><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">9. อธิบาย Protocal Distance Vector ให้เข้าใจ</span><br /><span style="font-family:arial;"><span style="color:#ff0000;">ตอบ</span> ลักษณะที่สำคัญของการติดต่อแบบ Distance-vector คือ ในแต่ละ Router จะมีข้อมูล routing table เอาไว้พิจารณาเส้นทางการส่งข้อมูล โดยพิจารณาจากระยะทางที่ข้อมูลจะไปถึงปลายทางเป็นหลัก จากรูป Router A จะทราบว่าถ้าต้องการส่งข้อมูลข้ามเครือข่ายไปยังเครื่องที่อยู่ใน Network B แล้วนั้น ข้อมูลจะข้าม Router ไป 1 ครั้ง หรือเรียกว่า 1 hop ในขณะที่ส่งข้อมูลไปยังเครื่องใน Network C ข้อมูลจะต้องข้ามเครือข่ายผ่าน Router A ไปยัง Router B เสียก่อน ทำให้การเดินทางของข้อมูลผ่านเป็น 2 hop อย่างไรก็ตามที่ Router B จะมองเห็น Network B และ Network C อยู่ห่างออกไปโดยการส่งข้อมูล 1 hop และ Network A เป็น2 hop ดังนั้น Router A และ Router B จะมองเห็นภาพของเครือข่ายที่เชื่อมต่ออยู่แตกต่างกันเป็นตารางข้อมูล routing table ของตนเอง จากรูปการส่งข้อมูลตามลักษณะของ Distance-vector routing protocol จะเลือกหาเส้นทางที่ดีที่สุดและมีการคำนวณตาม routing algorithm เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมา ซึ่งมักจะเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดและมีจำนวน hop น้อยกว่า โดยอุปกรณ์ Router ที่เชื่อมต่อกันมักจะมีการปรับปรุงข้อมูลใน routing table อยู่เป็นระยะๆ ด้วยการ Broadcast ข้อมูลทั้งหมดใน routing table ไปในเครือข่ายตามระยะเวลาที่ตั้งเอาไว้การใช้งานแบบ Distance-vector เหมาะกับเครือข่ายที่มีขนาดไม่ใหญ่มากและมีการเชื่อมต่อที่ไม่ซับซ้อนเกินไป ตัวอย่างโปรโตคอลที่ทำงานเป็นแบบ Distance-vector ได้แก่ โปรโตคอล RIP (Routing Information Protocol) และโปรโตคอล IGRP (Interior Gateway Routing Protocol) เป็นต้น</span><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">10. Protocol BGP คืออะไรมีหลักการทำงานอย่างไร</span><br /><span style="font-family:arial;"><span style="color:#ff0000;">ตอบ</span> Border Gateway Protocol (BGP) เป็นโปรโตคอลสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลของเส้นทางระหว่าง gateway host (ซึ่งแต่ละที่จะมี router ของตัวเอง) ในเครือข่ายแบบอัตโนมัติ BGP มักจะได้รับการใช้ระหว่าง gateway host บนระบบอินเตอร์เน็ต ตาราง routing ประกอบด้วยรายการของ router ตำแหน่งและตารางค่าใช้จ่าย (cost metric) ของเส้นทางไปยัง router แต่ละตัว เพื่อการเลือกเส้นทางที่ดีที่สุด host ที่ใช้การติดต่อด้วย BGP จะใช้ Transmission Control Protocol (TCP) และส่งข้อมูลที่ปรับปรุงแล้วของตาราง router เฉพาะ host ที่พบว่ามีการเปลี่ยนแปลง จึงมีผลเฉพาะส่วนของตาราง router ที่ส่ง BGP-4 เป็นเวอร์ชันล่าสุด ซึ่งให้ผู้บริหารระบบทำการคอนฟิก cost metric ตามนโยบาย การติดต่อด้วย BGP ของระบบ แบบอัตโนมัติที่ใช้ Internet BGP (IBGP) จะทำงานได้ไม่ดีกับ IGP เนื่องจาก router ภายในระบบอัตโนมัติต้องใช้ตาราง routing 2 ตาราง คือ ตารางของ IGP (Internet gateway protocol) และตารางของ IBGP BGP เป็นโปรโตคอลที่ทันสมัยกว่า Exterior Gateway Protocol</span><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">11. สายใยแก้วนำแสงมีกี่ชนิด</span><br /><span style="font-family:arial;"><span style="color:#ff0000;">ตอบ</span> 2ชนิดคือ 1.เส้นใยแก้วนำแสงโหมดเดียว ( Single Mode Fiber ) 2. เส้นสันใยแก้วนำแสงหลายโหมด ( Multimode Fiber )</span><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">12. สัญญาณแก้วใยแก้วนำแสงต่างๆ</span><br /><span style="font-family:arial;"><span style="color:#ff0000;">ตอบ</span> อนาล็อกกับดิจิตอล</span><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">13. จงบอกข้อดีของเส้นใยแก้วนำแสง</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">ตอบ </span><br /><span style="font-family:arial;">1. มีน้ำหนักเบาและไม่เป็นสนิม ซึ่งเหมาะมากสำหรับใช้งานในยานอวกาศ และรถยนต์</span><br /><span style="font-family:arial;">2. เส้นใยแสง 1 เส้น สามารถที่จะมีช่องสัญญาณเสียงได้มากเท่ากับ 1500 คู่สาย</span><br /><span style="font-family:arial;">3. ความห่างของตัวขยายสัญญาณสำหรับเส้นใยแสงมีค่าตั้งแต่ 35 ถึง 80 กิโลเมตร ซึ่งตรงข้ามกับสายธรรมดา ซึ่งมีค่าตั้งแต่ 1 ถึงแค่ 1.5 กิโลเมตรเท่านั้น4. เส้นใยแสงจะไม่มีการรบกวนจากฟ้าแลบ และการแผ่รังสีของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า</span><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">14. ขนาดของ core และ cladding ในเส้นใยแก้วนำแสงแต่ละชนิด</span><br /><span style="font-family:arial;"><span style="color:#ff0000;">ตอบ</span> แท่งควอร์ต ซึ่งผ่านกระบวนการ Modefied Chemical Vapor Deposition (MCVD) แล้วจะถูกวางในแนวตั้งในหอดึง (Drawing Tower) ซึ่งจะถูกให้ความร้อนต่ออีก (2200 F) และถูกดึงลงด้านล่าง โดยหลักการของการหลอมเหลวควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ และขบวนการการดึง เพื่อจะทำให้เส้นใยแสงคุณภาพสูง มีความยาวประมาณ 6.25 กิโลเมตร และเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 125 ไมโครเมตร ศูนย์กลางซึ่งถูกเรียกว่า แกน หรือ CORE (เส้นผ่าศูนย์กลาง 8 ไมโครเมตร) จะถูกล้อมรอบด้วยควอร์ตที่บริสุทธิ์น้อยกว่า ซึ่งถูกเรียกว่า ชั้นคลุม หรือ cladding (ขอบเขตประมาณ 117 ไมโครเมตร<br /></span><br /><span style="font-family:arial;">15. การเชื่อมต่อดดยวิธีการหลอมรวม ทำได้โดยวิธีใด</span><br /><span style="font-family:arial;"><span style="color:#ff0000;">ตอบ</span> การเชื่อมต่อแบบหลอมรวม เป็นการเชื่อมต่อ Fiber Optic สองเส้นเข้าด้วยกัน โดยการให้ความร้อนที่ปลายของเส้น Fiber Optic จากนั้นปลายเส้น Fiber Optic จะถูกดันออกมาเชื่อมต่อกัน การเชื่อมต่อกันในลักษณะนี้ เป็นการเชื่อมต่อโดยถาวร จนทำให้ดูเหมือนรวมเป็นเส้นเดียวกัน การสูญเสียจากการเชื่อมต่อในลักษณะนี้ จะทำให้มีความสูญเสีย ประมาณ 0.01 - 0.2 dB ในขั้นตอนการเชื่อมต่อนี้ ความร้อนที่ทำให้ปลายเส้น Fiber Optic อ่อนตัวลงด้วยประกายไฟที่เกิดจากการ Arc ระหว่างขั้ว Electrode ขณะทำการ หลอมรวม ซึ่งจะยังผลให้การเชื่อมต่อของ Fiber Optic</span><br /><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><br /><span style="font-family:arial;"></span>torreshttp://www.blogger.com/profile/11711378243627183616noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7536008324853657428.post-35695779101971632272008-07-29T19:12:00.000-07:002008-07-29T19:18:22.896-07:00ออกข้อสอบเรื่องเราต์เตอร์<span style="font-family:arial;">ปรนัย 10 ข้อ</span><br /><span style="font-family:arial;">1.ในอินเทอร์เน็ตมักเรียกเราเตอร์ว่า ไอพีเราเตอร์ (IP router)</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">ก.ไอพีเราเตอร์ (IP router)</span><br /><span style="font-family:arial;">ข.พีซีเราเตอร์</span><br /><span style="font-family:arial;">ค.ดีอีเราเตอร์</span><br /><span style="font-family:arial;">ง.อีอีเราเตอร์</span><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">2.ไอพี เราเตอร์ ทำหน้าที่?</span><br /><span style="font-family:arial;">ก.เป็นจุดกำเนิดเครือข่าย</span><br /><span style="font-family:arial;">ข.ควบคุมระบบทั้งหมด</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">ค.ทำหน้าที่เลือกเส้นทางโดยสร้างแผนที่เครือข่ายและเก็บอยู่ในรูปตารางเส้นทาง เมื่อเราเตอร์ได้รับแพ็กเก็ตก็จะตรวจสอบแอดเดรสปลายทางและส่งแพ็กเก็ตไปยัง อินเทอร์เฟสที่เป็นช่องทางไปสู่เครือข่ายปลายทาง</span><br /><span style="font-family:arial;">ง.ควบคุมการ์ดจอ</span><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">3.อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่คัดแยกแพ็กเก็ต หรือเรียกว่า ?.</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">ก.สวิตช์แพ็กเก็ต</span><br /><span style="font-family:arial;">ข.ดาต้าร์แพ็กเก็ต</span><br /><span style="font-family:arial;">ค.เฟชแพ็กเก็ต</span><br /><span style="font-family:arial;">ง.แพ็กเก็ต</span><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">4.เราเตอร์ (Router) เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานในระดับชั้นใด</span><br /><span style="font-family:arial;">ก.ระดับกลาง</span><br /><span style="font-family:arial;">ข.ระดับแรก</span><br /><span style="font-family:arial;">ค.ทุกระดับชั้น</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">ง.ระดับชั้นเน็ตเวิร์ก</span><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">5.คุณลักษณะของโครงสร้างเราเตอร์ ที่กระตุ้นให้เกิดระบบเครือข่ายไอพีรุ่นต่อไป มีดัง นี้ ยกเว้นขอใด</span><br /><span style="font-family:arial;">ก.ประมวลผลแบบคู่ขนานปริมาณมหาศาล</span><br /><span style="font-family:arial;">ข.ตรวจเช็คสภาพข้อมูลแต่ละระยะได้</span><br /><span style="font-family:arial;">ค.ประมวล ผลแบบกระจาย</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">ง.ควบคุมไวรัส</span><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">6.ผลิตภัณฑ์เราเตอร์ในตระกูล ใดถือเป็นเราเตอร์ตัวแรกในอุตสาหกรรม ที่สามารถรองรับบริการด้านข้อมูล เสียง และวิดีโอภายใต้ระบบรักษาความปลอดภัย</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">ก. Cisco 3800, Cisco 2800 และ Cisco 3800</span><br /><span style="font-family:arial;">ข.MRS</span><br /><span style="font-family:arial;">ค. Cisco 1800 Series</span><br /><span style="font-family:arial;">ง. Cisco 1820Series</span><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">7.เราเตอร์แบบรุ่นใดเป็นเราเตอร์ครบวงจร.</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">ก.Cisco 1800 Series</span><br /><span style="font-family:arial;">ข.Cisco 3800</span><br /><span style="font-family:arial;">ค.Cisco 2802</span><br /><span style="font-family:arial;">ง.Cisco 2803</span><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">8.แอดเดรสที่ใช้ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ใช้รหัสตัวเลขกี่บิต</span><br /><span style="font-family:arial;">ก.24 บิต</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">ข.32 บิต</span><br /><span style="font-family:arial;">ค.38 บิต</span><br /><span style="font-family:arial;">ง.64 บิต</span><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">9. เราเตอร์จะช่วยให้เครื่องคอมพิวเตอร์ต่างๆ สามารถสื่อสารกันได้ หรือไม่</span><br /><span style="font-family:arial;">ก.ไม่ได้</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">ข.ได้</span><br /><span style="font-family:arial;">ค.อาจจะได้</span><br /><span style="font-family:arial;">ง.ไม่มีข้อถูก</span><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">10.เราเตอร์ เรียกอีกอย่างว่า?</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">ก.รูตเตอร์</span><br /><span style="font-family:arial;">ข.รูเตอร์</span><br /><span style="font-family:arial;">ค.คูเปอร์</span><br /><span style="font-family:arial;">ง.แร็คเตอร์ </span>torreshttp://www.blogger.com/profile/11711378243627183616noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7536008324853657428.post-17914422288896163772008-07-11T00:03:00.001-07:002008-07-11T00:10:26.274-07:00การเข้าสาย LAN<span style="font-family:arial;"><br /></span><div><br /><br /><div><span style="font-family:arial;"><strong>การเข้าสาย LAN</strong> </span></div><br /><br /><div><span style="font-family:arial;">การเข้าหัวสาย UTP นั้นมีอยู่สองมาตรฐานที่ได้กำหนดไว้คือ TIA/EIA 568A และ 568B ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับการเรียงลำดับสายจะแสดงดังตารางและรูปด้านล่าง</span></div><br /><br /><div><a href="http://bp1.blogger.com/_3j0r8Cgms6A/SHcGpsmKzZI/AAAAAAAAAAM/nRGSE_xhg0s/s1600-h/untitled1.png"><span style="font-family:arial;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5221649606375034258" style="CURSOR: hand" alt="" src="http://bp1.blogger.com/_3j0r8Cgms6A/SHcGpsmKzZI/AAAAAAAAAAM/nRGSE_xhg0s/s320/untitled1.png" border="0" /></span></a></div><br /><div><span style="font-family:arial;"></span></div><br /><div><span style="font-family:arial;">การทำสายแพทช์คอร์ดหรือสายที่เชื่อมระหว่างฮับกับคอมพิวเตอร์นั้น ปลายทางทั้งสองข้างจะต้องเข้าตามมาตรฐาน TIA/EIA 568B ส่วนสายครอสโอเวอร์หรือสายที่เชื่อมระหว่างฮับกับฮับหรือคอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์นั้น ปลายสายด้านหนึ่งต้องเข้าแบบ TIA/EIA 568A ส่วนปลายสายอีกด้านหนึ่งต้องเข้าแบบ TIA/EIA 568B</span></div><a href="http://bp2.blogger.com/_3j0r8Cgms6A/SHcHB22ubWI/AAAAAAAAAAU/ciSh5tDyEPQ/s1600-h/rj45.png"><span style="font-family:arial;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5221650021445692770" style="CURSOR: hand" alt="" src="http://bp2.blogger.com/_3j0r8Cgms6A/SHcHB22ubWI/AAAAAAAAAAU/ciSh5tDyEPQ/s320/rj45.png" border="0" /></span></a><br /><div><span style="font-family:arial;"></span></div></div>torreshttp://www.blogger.com/profile/11711378243627183616noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7536008324853657428.post-47871395887274559842008-07-09T01:02:00.000-07:002008-07-09T01:11:49.442-07:00เรียนวันพุธที่ 25 มิถุนายน 2551<span style="font-family:arial;"><strong>ข้อสอบเรื่องเครือข่ายอีเทอร์เน็ต หรือ IEEE 802.3</strong></span><br /><span style="font-family:arial;">1 .อีเทอร์เน็ตถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัทใด</span><br /><span style="font-family:arial;">ก.Xeoxr</span><br /><span style="font-family:arial;">ข.Xexor</span><br /><span style="font-family:arial;">ค.Xerox</span><br /><span style="font-family:arial;">ง.Xeorx</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">เฉลย ค.</span><br /><span style="font-family:arial;">2. อีเทอร์เน็ตได้พัฒนามาจากรากฐานบนเครือข่ายแบบใด</span><br /><span style="font-family:arial;">ก. Packet</span><br /><span style="font-family:arial;">ข. Radio</span><br /><span style="font-family:arial;">ค. Packet Radio</span><br /><span style="font-family:arial;">ง. Bus</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">เฉลย ค.</span><br /><span style="font-family:arial;">3. อีเทอร์เน็ตมีความเร็วในการถ่ายข้อมูลครั้งแรกกี่เมกกะบิตต่อวินาที</span><br /><span style="font-family:arial;">ก. 1 เมกะบิตต่อวินาที</span><br /><span style="font-family:arial;">ข. 2 เมกะบิตต่อวินาที</span><br /><span style="font-family:arial;">ค. 3 เมกะบิตต่อวินาที</span><br /><span style="font-family:arial;">ง. 4 เมกะบิตต่อวินาที</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">เฉลย ค.</span><br /><span style="font-family:arial;">4. การนำเสนอข้อมูลออกเป็นส่วนๆเรียกว่าอะไร</span><br /><span style="font-family:arial;">ก. แพกกิ้ง</span><br /><span style="font-family:arial;">ข. แพกก้า</span><br /><span style="font-family:arial;">ค. แพกเก็ต</span><br /><span style="font-family:arial;">ง. แพกเกต</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">เฉลย ง.</span><br /><span style="font-family:arial;">5. อีเทอร์เน็ตใช้วิธีการส่งสัณญาณแบบใด</span><br /><span style="font-family:arial;">ก. เบสแบนด์</span><br /><span style="font-family:arial;">ข บอยแบนด์</span><br /><span style="font-family:arial;">ค. เบิร์นแบนด์</span><br /><span style="font-family:arial;">ง.แบนด์</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">เฉลย ก</span><br /><span style="font-family:arial;">6. ฟาส์ตอีเทอรร์เน็ตเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าอะไร</span><br /><span style="font-family:arial;">ก. อีเทอร์เน็ตความเร็วต่ำ</span><br /><span style="font-family:arial;">ข.อีเทอร์เน็ตความเร็วสูง</span><br /><span style="font-family:arial;">ค. อีเทอร์เน็ตความเร็วช้า</span><br /><span style="font-family:arial;">ง.อีเทอร์เน็ตความเร็วปกติ</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">เฉลย ข</span><br /><span style="font-family:arial;">7. ฟาสต์อีเทอร์เน็ตได้ถูกออกแบบมาเพื่อติดตั้งเครือข่ายในรูปแบบใด</span><br /><span style="font-family:arial;">ก. ดาว</span><br /><span style="font-family:arial;">ข. วงแหวน</span><br /><span style="font-family:arial;">ค. กระจาย</span><br /><span style="font-family:arial;">ง. ต่อเนื่อง</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">เฉลย ก</span><br /><span style="font-family:arial;">8. เฟรมอีเทอร์เน็ตขนาดเล็กสุดจะมีความจุที่กี่ไบต์</span><br /><span style="font-family:arial;">ก. 72</span><br /><span style="font-family:arial;">ข. 75</span><br /><span style="font-family:arial;">ค. 85</span><br /><span style="font-family:arial;">ง. 82</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">เฉลย ก</span><br /><span style="font-family:arial;">9. ฟาส์ตอีเทอเน็ตไม่สนับสนุนในการเชื่อมต่อแบบใด</span><br /><span style="font-family:arial;">ก. วงแหวน</span><br /><span style="font-family:arial;">ข.ดาว</span><br /><span style="font-family:arial;">ค.แพกเกต</span><br /><span style="font-family:arial;">ง. บัส</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">เฉลย ง</span><br /><span style="font-family:arial;">10. อีเทอร์เน็ตความเร็วสูงแตกต่างจากอีเทอร์เน็ตอย่างไร</span><br /><span style="font-family:arial;">ก. การรับส่งข้อมูล</span><br /><span style="font-family:arial;">ข. สายCAT5e</span><br /><span style="font-family:arial;">ค. การ์ดเครือข่าย</span><br /><span style="font-family:arial;">ง. สายUTP</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">เฉลย ค.</span><br /><span style="font-family:Arial;"></span><br /><strong><span style="font-family:arial;">ข้อสอบปรนัยคำสั่งตรวจซ่อม</span></strong><br /><span style="font-family:arial;">1. คำสั่ง Ping ใช้ในการตรวจสอบอะไร</span><br /><span style="font-family:arial;">ก. ค่าต่างๆในตัวเครื่อง</span><br /><span style="font-family:arial;">ข.ดูหมายเลขในตัวเครื่อง</span><br /><span style="font-family:arial;">ค. ตรวจสอบการเชื่อมต่อ</span><br /><span style="font-family:arial;">ง. ตรวจสอบการเดินทางปขั้วปลายทาง</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">เฉลย ค</span><br /><span style="font-family:arial;">2. คำสั่ง ipconfig ในการตรวจสอบอะไร</span><br /><span style="font-family:arial;">ก. ค่าต่างๆในตัวเครื่อง</span><br /><span style="font-family:arial;">ข.ดูหมายเลขในตัวเครื่อง</span><br /><span style="font-family:arial;">ค. ตรวจสอบการเชื่อมต่อ</span><br /><span style="font-family:arial;">ง. ตรวจสอบการเดินทางปขั้วปลายทาง</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">เฉลย ก</span><br /><span style="font-family:arial;">3. คำสั่ง ART ใช้ในการตรวจสอบอะไร</span><br /><span style="font-family:arial;">ก. ค่าต่างๆในตัวเครื่อง</span><br /><span style="font-family:arial;">ข.ดูหมายเลขในตัวเครื่อง</span><br /><span style="font-family:arial;">ค. ตรวจสอบการเชื่อมต่อ</span><br /><span style="font-family:arial;">ง. ตรวจสอบการเดินทางปขั้วปลายทาง</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">เฉลย ข</span><br /><span style="font-family:arial;">4. คำสั่ง nslooknp</span><br /><span style="font-family:arial;">ก. ค่าต่างๆในตัวเครื่อง</span><br /><span style="font-family:arial;">ข.ดูหมายเลขในตัวเครื่อง</span><br /><span style="font-family:arial;">ค. ตรวจสอบการเชื่อมต่อ</span><br /><span style="font-family:arial;">ง. ตรวจสอบการเดินทางปขั้วปลายทาง</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">เฉลย ง</span><br /><span style="font-family:arial;">5. วิธีใช้คำสั่ง Ping มีวิธีการแบบใด</span><br /><span style="font-family:arial;">ก. start --- Run ---ms-Dos Promp</span><br /><span style="font-family:arial;">tข. start---Programs---ms-Dos prompt</span><br /><span style="font-family:arial;">ค. Start---program---Run</span><br /><span style="font-family:arial;">ง. start---shutdown---ok</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">เฉลย ข</span><br /><span style="font-family:arial;">6. ถ้าต้องการตรวจสอบ Option ของ Ping ควรใช้คำสั่งแบบใด</span><br /><span style="font-family:arial;">ก. Ping ?</span><br /><span style="font-family:arial;">ข. Ping /?</span><br /><span style="font-family:arial;">ค. Ping/=</span><br /><span style="font-family:arial;">ง.Ping</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">เฉลย ข</span><br /><span style="font-family:arial;">7. วิธีการตรวจสอบคำสั่ง Ping ใช้โปรแกรมใด</span><br /><span style="font-family:arial;">ก.shert</span><br /><span style="font-family:arial;">ข. Dos</span><br /><span style="font-family:arial;">ค. Run</span><br /><span style="font-family:arial;">ง. controipanal</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">เฉลย ค</span><br /><span style="font-family:arial;">8. คำสั่ง neststat ใช้ในการตรวจสอบอะไร</span><br /><span style="font-family:arial;">ก. ค่าต่างๆในตัวเครื่อง</span><br /><span style="font-family:arial;">ข.ดูหมายเลขในตัวเครื่อง</span><br /><span style="font-family:arial;">ค. ดูแลสถิติในระบบ</span><br /><span style="font-family:arial;">ง.ตรวจสอบขั้วปลายทาง</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">เฉลย ค</span><br /><span style="font-family:arial;">9. คำสั่งอื่นๆที่น่าสนใจคือคำสั่งอะไร</span><br /><span style="font-family:arial;">ก. Cast</span><br /><span style="font-family:arial;">ข. grat</span><br /><span style="font-family:arial;">ค. ipconfig/all</span><br /><span style="font-family:arial;">ง.Ping /?</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">เฉลย ค</span><br /><span style="font-family:arial;">10. คำสั่งในการตรวจซ่อมทั้งหมดมีกี่คำสั่ง</span><br /><span style="font-family:arial;">ก. 5</span><br /><span style="font-family:arial;">ข. 6</span><br /><span style="font-family:arial;">ค. 7</span><br /><span style="font-family:arial;">ง. 8</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">เฉลย ค</span>torreshttp://www.blogger.com/profile/11711378243627183616noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7536008324853657428.post-42003862264035919832008-07-07T20:32:00.000-07:002008-07-07T20:33:51.486-07:00post ข่าว<span style="font-family:arial;"><strong>เขาพระวิหารเป็นมรดกโลกแล้ว! ยูเนสโกชี้ขาดคำขอขึ้นทะเบียน<br /></strong></span><a href="http://service.sanook.com/click/click.php?id=747" target="_blank"></a><br /><span style="font-family:arial;"><strong>โดย คม ชัด ลึก<br />วัน อังคาร ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 00:00 น.</strong></span><br /><span style="font-family:arial;"><strong></strong><br />คณะกรรมการมรดกโลกประกาศให้ปราสาทพระวิหารของกัมพูชาเป็นมรดกโลกพร้อมตั้งกรรมการจาก 7 ปท. รวมทั้งไทย บริหารจัดการร่วมกับกัมพูชา สารพัดม็อบกดดัน"นพดล" รับผิดชอบ ศาล รธน.ชี้ขาดแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา เข้าข่าย ม.190 หรือไม่ 8 ก.ค. ด้าน ผบ.สส.อัดด่วนสรุปกรณีต่างชาติหนุนเขมรเพราะไทยปฏิวัติ<br /></span><a href="javascript:windowgallery("></a><span style="font-family:arial;">ในที่สุดที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยที่ 32 ที่เมืองควิเบกประเทศแคนาดา ประกาศให้ปราสาทพระวิหารของประเทศกัมพูชาเป็นมรดกโลกแล้ว โดยเมื่อเวลา 23.09 น. สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า คณะกรรมการพิจารณามรดกโลกขององค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ(ยูเนสโก) ได้ประกาศให้ปราสาทพระวิหารของกัมพูชาอายุนับพันปีเป็นมรดกโลก พร้อมกับเมืองเมลากา และเมืองจอร์จ ทาวน์ เมืองที่อยู่ติดช่องแคบมะละกาในมาเลเซีย และเขตเกษตรกรรมคุก เออร์ลีในปาปัวนิวกีนี ซึ่งนับเป็นพื้นที่แรกของประเทศที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก กรรมการมรดกโลกหนุนกัมพูชา นายปองพล อดิเรกสาร ประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ให้สัมภาษณ์จากเมืองควิเบกว่า คณะกรรมการมรดกโลก 21 ประเทศมีเสียงส่วนใหญ่เห็นว่าควรขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารตามที่กัมพูชาเสนอ เพราะเข้าหลักเกณฑ์ 1 ใน3 ข้อสำหรับทางออกของไทย คณะกรรมการมรดกโลกจะตั้งคณะกรรมการจาก 7 ประเทศโดยมีไทยร่วมด้วย เข้ามาบริหารจัดการร่วมกับกัมพูชา ส่วนการพัฒนาพื้นที่พิพาทนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการมรดกโลก เพราะว่าการขึ้นทะเบียนทำเฉพาะแค่องค์ปราสาทเท่านั้น "การพิจารณาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร จากเดิมถูกจัดเป็นวาระพิจารณาลำดับที่ 4 แต่ได้เลื่อนเป็นลำดับท้ายสุดเพื่อให้ไทยและกัมพูชาได้มีเวลาหารือกันโดยไทยยังยืนยันในการขอเลื่อนการพิจารณาตามที่นายนพดลได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบ และประเด็นที่สองไทยยังยืนยันที่จะเสนอให้ขึ้นทะเบียนร่วมกัน เพื่อทำให้ความเป็นมรดกโลกสมบูรณ์ยิ่งขึ้น คณะกรรมการมรดกโลกได้ให้น้ำหนักกับคำชี้แจงของฝ่ายไทย จากก่อนหน้านี้มีการแจกเอกสารแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา แต่เมื่อมีการแจ้งเรื่องคำสั่งของศาลปกครองกลาง ก็มีการเรียกเก็บเอกสารดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนขึ้น โดยคณะกรรมการมรดกโลกใช้รายงานของสภาการโบราณสถานระหว่างประเทศ หรืออิโคโมส ในการพิจารณา ซึ่งการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจะต้องผ่านการพิจารณา 1 ใน6 ข้อที่กำหนดไว้และกัมพูชาได้ผ่านหลักเกณฑ์ข้อ 1 แล้วโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาความร่วมมือจากไทย" นายปองพลกล่าว นายปองพลกล่าวต่อว่าคณะกรรมการมรดกโลกยังเสนอทางออกให้แก่ไทย โดยให้เสนออุทยานปราสาทพระวิหารและพื้นที่ป่าสมบูรณ์เทือกเขาพนมดงรักซึ่งอยู่ในเขตไทยและให้สำรวจจัดทำข้อมูลแหล่งโบราณสถานในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อขอเสนอเป็นมรดกโลกให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตามที่ไทยส่งหนังสือการคุ้มครองชั่วคราวของศาลปกครองให้คณะกรรมการมรดกโลกได้พิจารณา ซึ่งที่ประชุมแจ้งว่า ได้รับทราบ แต่การจะให้เลื่อนการพิจารณาปราสาทพระวิหารออกไปคงไม่ได้ เพราะได้เลื่อนมาครั้งหนึ่งแล้ว นายปองพลกล่าวอีกว่าในการประชุมครั้งนี้มีกลุ่มคนไทยในแคนาดามาชูป้ายประท้วงนายนพดล กรณีกระทำไม่เหมาะสมเรื่องปราสาทพระวิหารด้วยโดยไม่ได้มีการยื่นหนังสือแต่อย่างใด ชี้รมว.ต่างประเทศต้องรับผิดชอบ ม.ล.วัลย์วิภาจรูญโรจน์ นักวิจัยสถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ในฐานะกลุ่มประชาชนไทย กล่าวว่า หากคณะกรรมการมรดกโลกมีมติขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารให้กัมพูชา ก็จะต้องมีการเคลื่อนไหวต่อให้รัฐบาลยกเลิกแถลงการณ์ร่วมที่นายนพดลทำไว้กับกัมพูชา เพราะหากไม่ยกเลิกแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว จะมีผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างแน่นอน โดยจะกระทบพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหารที่เป็นฝั่งไทย แม้จะขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทก็ตาม ม.ล.วัลย์วิภากล่าวว่ารัฐบาลต้องเร่งพิจารณาอย่างรวดเร็วแล้วว่าจะยกเลิกอย่างไร โดยเฉพาะนายนพดลและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งกรมแผนที่ทหารที่เข้าไปแถลงรับรอง ก็ต้องร่วมรับผิดชอบ ส่วนยูเนสโกที่ไม่มีหนังสือตอบภาคประชาชนที่ยื่นเรื่องคัดค้าน แสดงเห็นว่ายูเนสโกเพิกเฉยต่อความคิดเห็นของประชาชนชาวไทยซึ่งน่าตำหนิมาก ด้านนพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า หากคณะกรรมการมรดกโลกมีมติขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารโดยกัมพูชาฝ่ายเดียว สิ่งที่จะเคลื่อนไหวในส่วนของนักวิชาการและภาคประชาชนจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.ต้องดำเนินการในทางระหว่างประเทศ ซึ่งมีหลายช่องทางที่จะทำหนังสือไปสอบถามเหตุผลว่า การขึ้นทะเบียนปราสาทอย่างเดียวถือว่าไม่สมบูรณ์ จึงต้องการเหตุผลจากคณะกรรมการมรดกโลก และ 2.ในส่วนการเคลื่อนไหวในประเทศ เรื่องแถลงการณ์ร่วม ต้องทำให้ไม่มีผล ถ้ามีผลให้เสียดินแดน ครม.และนายนพดลต้องรับผิดชอบ<br /></span><a href="javascript:windowgallery("></a><span style="font-family:arial;">ศาลรธน.ชี้ขาด ม.190 วันที่ 8 ก.ค. วันเดียวกันคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่มีนายชัช ชลวร เป็นประธาน มีการพิจารณาคำร้องที่ประธานวุฒิสภาส่งความเห็นของ ส.ว. 77 คนและคำร้องของประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ส่งความเห็นของ ส.ส. 151 คนเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ว่าคำแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาลงวันที่ 18 มิถุนายน 2551 เป็นหนังสือสนธิสัญญาตามรัฐธรรมนูญมาตรา190 วรรคสองซึ่งต้องรับความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อนหรือไม่ นายไพบูลย์วราหะไพฑูรย์ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แถลงว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาคือ นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศเข้าชี้แจงด้วยตนเอง และเสนอเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็มีการอภิปรายและนัดอภิปรายด้วยวาจา เพื่อนำไปสู่การลงมติในวันที่ 8 กรกฎาคมนี้เวลา 08.30 น. ทั้งนี้ การพิจารณาของคณะตุลาการฯ เป็นการวินิจฉัยภายในกรอบอำนาจตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่ให้ไว้ ไม่ได้มีการนำปัจจัยอื่น เช่น เรื่องที่คณะกรรมการมรดกโลกกำลังพิจารณาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารมาร่วมพิจารณาด้วย ส่วนที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวพาดพิงถึงสถาบันตุลาการนั้น นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครอง กล่าวว่า ไม่ขอพูดอะไรในเรื่องนี้ ถึงเวลาค่อยพูด เพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะตอบโต้กัน จะเป็นการละเมิดศาลหรือไม่ต้องพิจารณา ส่วนจุดยืนต่อสถานการณ์ทางการเมืองนั้น คือ ศาลต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพราะศาลอยากให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย ม็อบบุกบ้าน นพดล หวิดวางมวย เมื่อเวลา10.30 น. วันที่ 7 กรกฎาคม กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.นครราชสีมา กว่า 200 คน นำโดยนายอิทธิ ขวัญอุดมพร ได้เดินทางด้วยรถกระบะ 9 คัน และรถบรรทุกหกล้อ 1 คัน ไปยังบ้านเลขที่ 79 หมู่ 3 บ้านแฝก ต.สามเมือง อ.สีดา จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านของนายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และปัจจุบันบ้านหลังดังกล่าวมีนางสำเนียง ปัทมะ พี่สาวของนายนพดลอาศัยอยู่ ทันทีที่กลุ่มพันธมิตรลงจากรถ ก็นำป้ายข้อความโจมตีนายนพดลออกมาเพื่อประท้วง ทันใดนั้น นายสุนทร ปะวะขัง กำนันตำบลสามเมือง ได้ประกาศผ่านหอกระจายข่าวเรียกชาวบ้านในหมู่บ้านและหมู่บ้านใกล้เคียงออกมาต่อต้าน และขับไล่กลุ่มพันธมิตรออกไป ทำให้ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน จากนั้นชาวบ้านทยอยมารวมตัวกันประมาณ300 คน ส่วนกลุ่มพันธมิตรมีประมาณ 200 คน มีการตะโกนต่อว่ากันไปมา โดยกลุ่มชาวบ้านยื่นคำขาดว่าภายในเวลา 30 นาที ให้กลุ่มพันธมิตรออกจากหมู่บ้านไป ถ้าไม่เช่นนั้นจะไม่รับรองความปลอดภัย ต่อมาตำรวจ สภ.สีดา และปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สามเมือง ได้เข้ามาห้ามและเกลี้ยกล่อมให้กลุ่มพันธมิตรออกจากหมู่บ้านไปก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลาย เพราะมีชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านกำลังเดินทางรวมตัวที่บริเวณดังกล่าวมากขึ้น แต่กลุ่มพันธมิตรพยายามจะฝ่าวงล้อมของประชาชนไปยังบ้านนายนพดลให้ได้ จึงทำให้เกิดการชุลมุน ยื้อยุดผลักกันไปมา นายอิทธิเห็นท่าไม่ดีจึงพากลุ่มพันธมิตรขึ้นรถถอยออกจากหมู่บ้านไปตั้งหลักอยู่ที่ทำการ อบต.สามเมือง แต่กลุ่มชาวบ้านส่วนหนึ่งได้ขับรถยนต์บรรทุกชาวบ้านตามไปไล่ กลุ่มพันธมิตรจึงหนีไปอย่างรวดเร็ว นายอิทธิ กล่าวว่าการเดินทางมาครั้งนี้เพื่อต้องการเรียกร้องให้ญาติพี่น้องของนายนพดล ไปเกลี้ยกล่อมให้นายนพดลลาออกจากตำแหน่ง รมว.การต่างประเทศ เพราะทำให้ไทยเสียประโยชน์กรณีเขาพระวิหาร<br /></span><a href="javascript:windowgallery("></a><span style="font-family:arial;">ไม่สนคำตัดสินม็อบยันปักหลักต่อ ที่จ.ศรีสะเกษ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุขุม วงศ์ประสิทธิ์ ผู้ประสานงานสหธรรมมิกเพื่อประชาธิปไตย หรือขบวนการธรรมยาตราทวงคืนเขาพระวิหาร-มณฑลบูรพา ที่ปักหลักทวงคืนเขาพระวิหารบนอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร กล่าวว่า แม้ว่าผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกจะออกมาอย่างไร จะมีการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกหรือไม่ ก็จะปักหลักทวงคืนอธิปไตยต่อไป เพราะประเด็นการขึ้นทะเบียนมรดกโลกไม่ใช่ประเด็นหลักของกลุ่มเรียกร้อง เนื่องจากประเด็นหลักคือการทวงคืนปราสาทพระวิหาร และที่ผ่านมาพบว่ามีชาวกัมพูชากว่า 500 หลังคาเรือน ปักหลักอาศัยอยู่ในเขตแดนของไทย ถือเป็นการรุกล้ำอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน ต้องมีการผลักดันให้กองทัพออกมาดำเนินการตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 พร้อมทั้งจะระดมสมาชิกเพื่อทวงคืนพื้นที่เขาพระวิหารเพิ่มขึ้นอีก ทหารพรานนายหนึ่งที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยประตูเหล็กทางขึ้นเขาพระวิหาร สังกัดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 กล่าวว่า ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่เขาพระวิหารมานานกว่า 10 ปี รู้จักมักคุ้นกับชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่แถบนี้เป็นอย่างดี ที่ผ่านมาก็พูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบกันเรื่อยมา แม้มีคำสั่งให้มีการปิดประตูเหล็กทางขึ้น ก็เป็นแค่เพียงการปิดประตูเท่านั้น แต่ความสัมพันธ์ทั้งสองฝ่ายยังคงแน่นแฟ้น และยอมรับว่ารู้สึกลำบากใจหากในอนาคตรัฐบาลมีคำสั่งให้มีการผลักดันชาวกัมพูชาออกนอกพื้นที่บริเวณทางขึ้น ส่วนความเคลื่อนไหวของชาวกัมพูชาหลังม่านประตูเหล็กก็มีการดำเนินชีวิตกันตามปกติ บางรายก็จับกลุ่มนั่งเล่นไพ่กันอย่างสนุกสนาน โดยไม่สนใจการปิดเปิดของประตู เพราะส่วนใหญ่ชินกับเหตุการณ์ปิดเปิดประตู เพราะที่ผ่านมามีคำสั่งปิดเปิดประตูทางขึ้นเขาพระวิหารมาแล้วหลายครั้ง ขณะที่บรรยากาศอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารเป็นไปอย่างเงียบเหงาไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมเหมือนช่วงที่ผ่านมา คงมีเพียงทหาร เจ้าหน้าที่อุทยาน และแม่ค้าที่ขายสินค้าอยู่บริเวณลานจอดรถเท่านั้น โดยแม่ค้าบางรายระบุว่า แทบจะไม่ได้ขายสินค้าให้นักท่องเที่ยวเลย แต่ยังดีที่ได้ขายสินค้าให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และกองทัพนักข่าวที่มาทำข่าวเขาพระวิหารแทน ผบ.สส.อัด ปองพล สรุปง่ายเกินไป พล.อ.บุญสร้างเนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) กล่าวถึงกรณีที่นายปองพลระบุว่าเรื่องปราสาทพระวิหารขาดความต่อเนื่อง เพราะประเทศไทยเกิดการปฏิวัติว่า ปัญหาพวกนี้ดูไปก็ซับซ้อน ถ้าพูดแบบนี้อาจจะทำให้สับสน และสรุปอะไรที่ง่ายเกินไป บางคนก็อาจจะต้องตกเป็นจำเลยของสังคม โดยที่ไม่ได้คิดอย่างดี ไม่อยากพูดอะไรให้ลงลึกขนาดนั้น และไม่ได้ผู้รับผิดชอบโดยตรง เมื่อถามว่านายปองพลออกมาอ้างว่า ประเทศมหาอำนาจสนับสนุนกัมพูชา เพราะไทยมีการปฏิวัติ พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่าไม่ทราบ เพราะไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับกองทัพโดยตรง ต้องมีความเชื่อมั่นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพราะเขาต้องศึกษา ในการพูดจาอะไรต้องระมัดระวัง ต้องเชื่อมั่นจนกว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะพิสูจน์ให้ชัดเจนว่าเชื่อมั่นไม่ได้ก็อีกเรื่องหนึ่ง หากปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกจะกระทบต่อความสัมพันธ์ของสองประเทศหรือไม่พล.อ.บุญสร้างระบุว่าถ้าประชาชนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ผลกระทบก็จะไม่มาก แต่หากนำไปสู่ความแตกแยก หรือใช้ความรุนแรงซึ่งกันและกัน ผลกระทบก็จะมีมากมาย ทุกอย่างอยู่ที่ความรู้สึกของคน ส่วนเรื่องการรักษาความปลอดภัยของคนไทยในกัมพูชา ได้ประสานงานและดูแลกันอยู่แล้ว ซึ่งผู้นำของกัมพูชาก็สามารถพูดกันได้ เขาเข้าใจปัญหาเหมือนกัน ด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า เรื่องปราสาทพระวิหารเป็นเรื่องละเอียดอ่อน รัฐบาลของ 2 ประเทศ ต้องเป็นผู้แก้ปัญหาในการหาข้อยุติ ส่วนเรื่องของประชาชนคิดว่า ประชาชนทั้ง 2 ประเทศต้องมีความเข้าใจในเรื่องของความสัมพันธ์ของบ้านเมือง ประเทศที่อยู่ติดกันต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เพราะเราต้องอยู่ร่วมกันอย่างสันติ รวมทั้งการใช้กลไกกฎหมายแก้ปัญหาในส่วนนี้โดยกลไกของรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์กล่าวอีกว่ามีการประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าหน้าที่ตำรวจในการรักษาสถานการณ์ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย ไม่ให้เกิดปัญหาหรือความรุนแรงเกิดขึ้น ขณะนี้ในพื้นที่มีการดำเนินการ คาดว่าไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น อภิสิทธิ์ จี้ ครม.เผยมติ พระวิหาร ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร ที่มีแนวโน้มว่ากัมพูชาจะขอจดทะเบียนได้ฝ่ายเดียวว่า คงต้องย้อนกลับมาดูว่าความรับผิดชอบควรจะเป็นของใคร ไม่ว่าจะเรื่องเกี่ยวกับการปกครองหรือกฎหมาย ตนได้มอบหมายให้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.กทม. ดูข้อกฎหมายและกำลังเตรียมการอยู่หากพิจารณากฎหมายอาญา เบื้องต้นนายนพดลมีความชัดเจนที่สุด เพราะเป็นผู้ไปลงนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากรายงานทางวิชาการ ข้อเสนอของกัมพูชาอ้างอิงการไปลงนามของนายนพดลในวันที่ 22 พฤษภาคมก็คงปฏิเสธไม่ได้ ส่วนคณะรัฐมนตรี (ครม.) คงต้องมาดูอีกที เพราะการตรวจสอบค่อนข้างยาก จนถึงวันนี้ ครม.ก็ยังไม่เปิดเผยมติครม.ที่เกี่ยวข้องว่าถ้อยคำเป็นอย่างไร</span>torreshttp://www.blogger.com/profile/11711378243627183616noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7536008324853657428.post-3427332475615506602008-06-22T20:50:00.000-07:002008-06-22T21:20:06.302-07:00ออกข้อสอบปรนัย/อัตนัย<span style="font-family:arial;font-size:130%;color:#cc33cc;">ข้อสอบอัตนัย 10 ข้อ</span><br /><br />1. mart 4 bit ได้กี่ Host ของ Class A<br />ก. 2^4 = 16 - 2 = 14 Host<br />ข. 2^4 = 8 - 2 = 6 Host<br /><span style="color:#ff0000;">ค. 2^20 = 1048576 - 2 = 1048574 Host</span><br />ง. 2^20 = 1048426 - 2 = 1048424 Host<br /><br />2. IP Address : 192.0.0.0 subnet mask คือข้อใด<br /><span style="color:#ff0000;">ก. 255.0.0.0</span><br />ข. 255.255.0.0<br />ค. 255.255.255.0<br />ง. 255.255.255.255<br /><br />3. CIDR มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าอะไร<br /><span style="color:#ff0000;">ก. Super net </span><br />ข. Hi speed internet<br />ค. Internet Explore<br />ง. ถูกทั้ง ก และ ข<br /><br />4.Subnet Mask มีลักษณะคล้ายกับข้อใดต่อไปนี้<br />ก.Result<br /><span style="color:#ff0000;">ข.IP Address</span><br />ค.Network<br />ง. Link<br /><br />5. IP address 32 บิต จะอธิบายเป็น dot address คือ กี่กลุ่ม<br />ก.2 กลุ่ม<br />ข.3 กลุ่ม<br /><span style="color:#ff0000;">ค.4 กลุ่ม</span><br />ง.5 กลุ่ม<br /><br />6.ปกติการรับ-ส่ง Datagram จะมีอะไรเป็นตัวจัดการ?<br /><span style="color:#ff0000;">ก.Router</span><br />ข.Pouter<br />ค.Fouter<br />ง.Bouter<br /><br />7. mask 2 bit class a เลขฐาน 16 คือ<br /><span style="color:#ff0000;">ก.11111111.11000000.00000000.00000000</span><br />ข.1111111.11111111.00000000.00000000<br />ค.11111111.00000000.00000000.00000000<br />ง. 11111111 .11111111.11111111.11111111<br /><br />8. 11111111.11111111.11111111.00000000 ตรงกับข้อใด<br /><span style="color:#ff0000;">ก. N.N.N.H<br /></span>ข. N.N.H.H<br />ค. N.H.N.H<br />ง. N.N.H.N<br /><br />9. mask 2bit class c หมายเลข subnet ตรงกับข้อใด<br /><span style="color:#ff0000;">ก. 2^2 =4-2=2</span><br />ข . 2^18=262144-2=262140<br />ค . 2^18=262144-2=262142<br />ง. 2^18=26144-2=262144<br /><br />10.หมายเลข Host มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าอะไร<br />ก. Prefix<br /><span style="color:#ff0000;">ข. Suffix</span><br />ค. Perfix<br />ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ค<br /><br /><span style="font-family:arial;font-size:130%;color:#33ccff;">ข้อสอบปรนัย 10 ข้อ</span><br /><span style="font-family:Arial;font-size:130%;"></span><br /><br />1. Class C หมายถึง Subnet mask เป็น 255.255.255.0<br />และแจก IP จริงในองค์กรได้สูงสุดเท่าใด<br />..................................................................<br />..................................................................<br /><span style="color:#ff0000;">ตอบ Class C แจก IP จริงในองค์กรได้สูงสุด 254</span><br /><p><span style="color:#ff0000;"></span> </p><p>2. จงหาค่าของ Subnet Maskให้เขียน Defualt Subnet Mask ให้อยู่ในเลขฐานสอง ในที่นี้ 192.168.0.0 ในในคลาส B ดังนั้น Subnet Mask คือ 255.255.0.0 เมื่อเขียนเป็นเลขฐานสองจะได้เท่ากับ</p><p>..............................................</p><p>..............................................</p><p><span style="color:#ff0000;">ตอบ 11000000.10101000.00000000.00000000</span></p><p><span style="color:#ff0000;"></span> </p><p>3. mark 3 bit ได้ class B ได้กี่ host</p><p>.................................................</p><p><span style="color:#ff0000;">ตอบ 2^5=32-2 = 30 host</span> </p><p> </p><p>4. mark 5 bit Class B หมายเลข Subnet อะไร</p><p>...............................................</p><p><span style="color:#ff0000;">ตอบ 255.255.248.0</span></p><p><span style="color:#ff0000;"></span> </p><p>5. จงหาค่าของ Subnet Maskให้เขียน Defualt Subnet Mask ให้อยู่ในเลขฐานสอง ในที่นี้ 192.168.0.0 ในในคลาส A ดังนั้น Subnet Mask คือ 255.0.0.0 เมื่อเขียนเป็นเลขฐานสองจะได้เท่ากับ</p><p>..........................................................................................................</p><p><span style="color:#ff0000;">ตอบ 11000000.00000000.00000000.00000000</span></p><p><span style="color:#ff0000;"></span> </p><p>6. Mark 2 bit ได้ Class A ได้กี่ subnet</p><p>................................................</p><p><span style="color:#ff0000;">ตอบ 2^2 = 4-2 = 2 subnet</span></p><p><span style="color:#ff0000;"></span> </p><p>7. Mark 12 bit ได้ Class A ได้กี่ subnet</p><p>..............................................................</p><p><span style="color:#ff0000;">ตอบ 2^12 = 4,096-2 = 4094 subnet</span></p><p><span style="color:#ff0000;"></span> </p><p>8. mark 4 bit ได้ class A ได้กี่ subnet</p><p>.............................................................</p><p><span style="color:#ff0000;">ตอบ 2^4 = 16 -2 = 14 subnet</span> </p><p> </p><p>9. Mark 7 bit ได้ Class A ได้กี่ subnet</p><p>...................................................</p><p><span style="color:#ff0000;">ตอบ 2^7 = 128-2 = 126 subnet</span></p><p><span style="color:#ff0000;"></span> </p><p>10. กรณีที่ว่า สมมติได้ IP คลาส C มา สมมติอีกว่าอยู่ในช่วง 200.10.20.0-200.10.20.255 (สำหรับคนที่ไม่ทราบนะครับ 1 คลาส C จะมี 256 หมายเลข IP) แล้วต้องการแบ่งเป็น 8 กลุ่มย่อยเท่าๆ กัน เราจะได้กลุ่มละ 32 หมายเลขซึ่งต้องใช้ 5 บิตในการแทน ในกรณีนี้ network address ก็จะมี 27 บิต และ subnet mask ก็จะเป็น 255.255.255.224 แต่ละกลุ่มมี network address ดังนี้</p><p>.......................................................................</p><p>.......................................................................</p><p><span style="color:#ff0000;">ตอบ</span></p><p><span style="color:#ff0000;">.200.10.20.0</span></p><p><span style="color:#ff0000;">.200.10.20.32</span></p><p><span style="color:#ff0000;">.200.10.20.64</span></p><p><span style="color:#ff0000;">.200.10.20.96</span></p><p><span style="color:#ff0000;">.200.10.20.128</span></p><p><span style="color:#ff0000;">.200.10.20.160</span></p><p><span style="color:#ff0000;">.200.10.20.192</span></p><p><span style="color:#ff0000;">.200.10.20.224</span></p>torreshttp://www.blogger.com/profile/11711378243627183616noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7536008324853657428.post-37812168739408969812008-06-22T20:41:00.000-07:002008-06-22T20:50:05.654-07:00การบ้านเรื่อง Eternet (IEEE 802.3)<span style="font-family:arial;font-size:85%;">1. IEEE 802.3 (Ethernet)</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">-ได้ปฏิวัติความต้องการในการเพิ่มปริมาณของPacketข้อมูลในเครือข่าย</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">- ลดต้นทุนการรับส่งข้อมูล</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">- ความน่าเชื่อถือ</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">- การติดตั้งบำรุงรักษา ทำได้สะดวก</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">- เริ่มต้นทำงานที่ 10 Mbps (มีชื่อว่า Ethernet)</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">- ความเร็วระดับ 100 Mbps (มีชื่อว่า Fast Ethernet)</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">- ระดับ 1 Gbps (มีชื่อว่า Gigabit Ethernet)</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">- ปัจจุบัน 10 Gbps (มีชื่อว่า 10 Gigabit Ethernet หรือ 10 GbE) กำลังจะเข้ามาในเครือข่ายของ Ethernet และชั้นData Link</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">- เป็นข้อกำหนดด้านรูปแบบของเฟรมข้อมูล (Frame) ใช้ Access Method แบบ CSMA/CD และใช้Topology แบบ Bus , Star และ Ring</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">- IEEE ก็ได้ประกาศรับรองมาตรฐานของEthernetไว้ในมาตรฐาน IEEE 802 ซึ่งเป็นมาตรฐานหลักที่เกี่ยวกับรูปแบบของการใช้งานและข้อมูลต่างๆ เช่น 10Base510หมายถึงความเร็ว 10 MbpsBase หมายถึง Baseband (“Broad” คือ Broadband)5หมายถึงระยะไกลสุดที่สามารถเชื่อมต่อ ในที่นี้คือ 500 เมตรT หมายถึง ใช้สาย Twisted Pair และ “F” หมายถึง Fiber</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">- มาตรฐาน IEEE 802.3u ซึ่งได้ขยายครอบคลุมความเร็วระดับ 100 Mbps (Fast Ethernet) ประกอบด้วย100BaseTX เป็นการใช้สาย UTP Category 5 เชื่อมต่อได้ไกล 100 เมตร/Segment100BaseFX เป็นการใช้สาย Fiber Optic เชื่อมต่อได้ไกลถึง 412 เมตร/Segment</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">- ร่างมาตรฐาน 802.3z หรือ Gigabit Ethernet โดยจะทำการขยายความเร็วในการเชื่อมต่อขึ้นไปถึง 1000 Mbps (1 Gigabit/Seconds</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;"></span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">2. มาตรฐาน 10 Base 2ความหมาย 10 คือความเร็วในการส่งข้อมูล 10 Mbps Base คือการส่งข้อมูลแบบ Baseband 2 คือความยาวสูงสุด 200 เมตร (185 – 200 เมตร )10 Base 2 เป็นแบบเครือข่ายที่ใช้สาย Coaxial แบบบาง (Thin Coaxial) ชนิด RG-58 A/U โดยจะมี Teminator (50 โอมห์ ) เป็นตัวปิดหัว และท้ายของเครือข่าย อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ควรทราบ คือสายสัญญาณที่ใช้ในการส่งข้อมูลในระบบเครือข่ายชนิด 10 Base 2 หรือที่เรียกสั้นๆ ว่าสาย Thinแผงวงจรเครือข่าย (LAN Card)คือแผงวงจรเครือข่ายที่เสียบไว้กับตัวเครื่อง และเชื่อมต่อด้วยสายเพื่อต่อเป็นเครือข่าย โดยวงจรเครือข่ายนี้จะมีหัวเสียบที่ใช้กับหัวต่อแบบ BNC Connector Socket( LAN Card ) ชนิด BNC ใช้กับมาตรฐาน 10 Base 2ข้อกำหนดของ 10 Base 2 </span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">• ใช้สาย Thin Coaxial ชนิด RG-58 A/U</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">• หัวที่ใช้ต่อกับสายคือ หัว BNC</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">• ห้ามต่อหัว BNC เข้ากับ LAN Card โดยตรง ต้องต่อด้วย T-Connector เท่านั้น</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">• เครื่องตัวแรกและตัวสุดท้ายในเครือข่าย ต้องปิดด้วย Terminator ขนาด 50 โอมห์</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">• ความยาวของสายแต่ละเส้นที่ต่อระหว่าง Workstation ต้องมีความยาวไม่ต่ำกว่า 0.5 เมตร</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">• สายสัญญาณต่อ 1 Segment ยาวไม่เกิน 200 เมตร (185 – 200 เมตร )</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;"> • ใน 1 Segment สามารถต่อเป็นเครือข่ายได้ไม่เกิน 30 เครื่อง</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">• ในกรณีที่ต้องการต่อมากกว่า 30 เครื่อง ต้องมีอุปกรณ์ที่เรียกว่า Repeater เพื่อเพิ่ม Segment โดยสามารถต่อ Repeater ได้ไม่เกิน 4 Repeater ( ดังนั้น 4 Repeater = 5 Segment)</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">• ความยาวของสายสัญญาณทั้งหมด สูงสุด 1000 เมตร (200 เมตรต่อ 1 Segment คูณด้วย 5 Segment)</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">• จำนวนเครื่องสูงสุดในเครือข่าย 150 เครื่อง (30 เครื่องต่อ 1 Segment คูณด้วย 5 Segment) </span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;"></span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">3. มาตรฐาน 10 Base 5ความหมาย 10 คือความเร็วในการส่งข้อมูล 10 MbpsBase คือการส่งข้อมูลแบบ Baseband</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">• คือความยาวสูงสุด 500 เมตร10 Base 5 เป็นแบบเครือข่ายที่มีลักษณะคล้ายกับ 10 Base 2 แต่จะใช้สาย Coaxial แบบหนา (Thick Coaxial หรือ Back Bone) เป็นสายชนิด RG-8 ซึ่งสายจะเป็นสีเหลืองและมีขนาดใหญ่โดย Teminator (50 โอมห์ ) เป็นตัวปิดหัว และท้ายของเครือข่าย เครือข่ายชนิด 10 Base 5 นี้ จะมีต่อจำนวนเครื่องได้มากกว่า และต่อในระยะได้ไกลกว่าแบบ 10 Base 2 แต่ในปัจจุบันมักไม่นิยมใช้กัน เนื่องจากต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูง อุปกรณ์ต่างๆ ที่ควรทราบ มีดังนี้แผงวงจรเครือข่าย (LAN Card)คือแผงวงจรเครือข่ายที่เสียบไว้กับตัวเครื่อง และเชื่อมต่อด้วยสายเพื่อต่อเป็นเครือข่าย โดยแผงวงจรเครือข่ายนี้จะมีหัวเสียบเป็นชนิด DIX Connector Socket</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">ข้อกำหนดของ 10 Base 5</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">• ใช้สาย Thick Coaxial ชนิด RG-8</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">• หัวที่ใช้ต่อกับสายคือหัว DIX หรือบางทีอาจจะเรียกว่า หัว AUI</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">• เครื่องตัวแรกและตัวสุดท้ายในเครือข่ายต้องปิดด้วย N-Series Terminator ขนาด 50 โอมห์</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">• ระยะห่างระหว่าง Transceiver ต้องไม่ต่ำกว่า 2.5 เมตร</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">• Transceiver Cable จะมีความยาวได้ไม่เกิน 50 เมตร</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">• ใน 1 Segment สามารถต่อเป็นเครือข่ายได้ไม่เกิน 100 เครื่อง</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">• สายสัญญาณต่อ 1 Segment ยาวไม่เกิน 500 เมตร</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">• ในกรณีที่ต้องการต่อมากกว่า 100 เครื่อง ต้องมีอุปกรณ์ที่เรียกว่า Repeater เพื่อเพิ่มSegment โดยสามารถต่อ Repeater ได้ไม่เกิน 4 Repeater (ดังนั้น 4 Repeater = 5 Segment)</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">• ความยาวของสายสัญญาณทั้งหมด สูงสุด 2,500 เมตร (500 เมตรต่อ 1 Segment คูณด้วย 5 Segment )• จำนวนเครื่องสูงสุดในเครือข่าย 500 เครื่อง (100 เครื่องต่อ Segment คูณด้วย 5 Segment )</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;"></span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">4. 100 Base F</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">100Base-Fสาย AMP OSP (Outside Plant) ถูกออกแบบมาเฉพาะ เพื่อการติดตั้งในพื้นที่ขนาดใหญ่ เพราะสามารถติดตั้งไว้บนเสาโยง หรือลอดท่อใต้ดิน เพื่อเชื่อมต่อระหว่างอาคาร สายถูกทดสอบตามมาตรฐาน TIA ซึ่งเป็นข้อกำหนดสำหรับสายไฟเบอร์ออปติก ทั้งยังมีคุณสมบัติเกินมาตรฐานไปอีกขั้น จึงรองรับได้ทั้ง 100Base-F, 155/622 Mbps ATM และกิกะบิตอีเธอร์เน็ต</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;"></span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">5. 1000 BASE FX</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">- เป็นมาตรฐานใหม่ของเทคโนโลยี LAN พัฒนามาจาก เครือข่ายแบบ Ethernet ความเร็ว 10 Mbpsให้สามารถรับส่งข้อมูลได้ที่ระดับความเร็ว 1 Gbps</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">- ยังคงใช้กลไก CSMA/CD ในการร่วมใช้สื่อเหมือน Ethernet แบบเก่า</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">- มีการพัฒนาและดัดแปลงให้สามารถรองรับความเร็วในระดับ 1 GbpsGigabit Ethernet</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">- สนับสนุนการทำงานใน Mode Full-Duplex- ทำงานในการเชื่อมต่อ1) ระหว่าง Switch กับ Switch2)ระหว่าง Switch กับ End Station</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">- การเชื่อมต่อผ่าน Repeater , Hub จะเป็นลักษณะของ Shared- Media (ซึ่งใช้กลไกCSMA/CD) จะทำงานใน Mode Half-Duplex</span><br />155/622 Mbps ATM และกิกะบิตอีเธอร์เน็ตtorreshttp://www.blogger.com/profile/11711378243627183616noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7536008324853657428.post-10760805299622508422008-06-17T01:51:00.000-07:002008-06-17T02:16:58.608-07:00<span style="font-family:arial;"><strong>สรุป basic’s datacommunication</strong></span><br /><span style="font-family:arial;">การสื่อสารข้อมูล (Data Communications) หมายถึง กระบวนการถ่ายโอนหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างผู้ส่งและผู้รับ โดยผ่านช่องทางสื่อสาร เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือคอมพิวเตอร์เป็นตัวกลางในการส่งข้อมูล เพื่อให้ผู้ส่งและผู้รับเกิดความเข้าใจซึ่งกันและกันส่วนประกอบพื้นฐานของการสื่อสารข้อมูล</span><br /><span style="font-family:arial;">1. ตัวส่งข้อมูล</span><br /><span style="font-family:arial;">2. ช่องทางการส่งสัญญาณ</span><br /><span style="font-family:arial;">3. ตัวรับข้อมูล</span><a name="002"></a><br /><span style="font-family:arial;">4. การสื่อสารข้อมูลในระดับเครือข่ายมาตรฐานกลางที่ใช้ในการส่งข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่ายคือ มาตรฐาน OSI (Open Systems Interconnection Model) ซึ่งทำให้ทั้งคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เชื่อมต่อต่างๆ สามารถเชื่อมโยงและใช้งานในเครือข่ายจุดมุ่งหมายของการกำหนดมาตรฐาน OSI นี้ขึ้นมาก็เพื่อจัดแบ่งการดำเนินงานพื้นฐานของเครือข่ายและกำหนดหน้าที่การทำงานในแต่ละชั้น</span><br /><span style="font-family:arial;">1.Application Layer = มีหน้าที่ติดต่อระหว่างผู้ใช้โดยตรง</span><br /><span style="font-family:arial;">2.Presentation Layer = มีหน้าที่คอยรวบรวมข้อความ และแปลงรหัสหรือแปลงรูปแบบของข้อมูลให้เป็นรูปแบบการสื่อสารเดียวกัน</span><br /><span style="font-family:arial;">3.Session Layer = มีหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างผู้ใช้งานกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ โดยจะกำหนดจุดผู้รับและผู้ส่ง</span><br /><span style="font-family:arial;">4.Transport Layer = มีหน้าที่ตรวจสอบและป้องกันขอ้มูลให้ข้อมูลที่ส่งมานั้นไปถึงปลายทางจริงๆ</span><br /><span style="font-family:arial;">5.Network Layer = มีหน้าที่กำหนดเส้นทางการเดินทางของข้อมูลที่ส่ง-รับในการส่งข้อมูลระหว่างต้นทางและปลายทาง</span><br /><span style="font-family:arial;">6.DataLink Layer = มีหน้าที่เหมือนผู้ตรวจสอบ คอยควบคุมความผิดำพลาดในข้อมูล</span><br /><span style="font-family:arial;">7. Physical Layer = มีหน้าที่รับ-ส่งข้อมูลจากช่องทางการสื่อสารสื่อระหว่างคอมพิวเตอร์</span><br /><span style="font-family:arial;">รูปแบบของการส่งสัญญาข้อมูล </span><br /><span style="font-family:arial;">1. แบบทิศทางเดียวหรือซิมเพล็กซ์ (One-way หรือ Simplex</span><br /><span style="font-family:arial;">2. แบบกิ่งทางคู่หรือครึ่งดูเพล็กซ์ (Half-Duplex)</span><br /><span style="font-family:arial;">3. แบบทางคู่หรือดูเพล็กซ์เต็ม (Full - Duplex )แบบมีสายเช่น สายโทรศัพท์ เคเบิลใยแก้วนำแสงสายโคแอคเชียล (Coaxial)สายแบบนี้จะประกอบด้วยตัวนำที่ใช้ในการส่งข้อมูลเส้นหนึ่งอยู่ตรงกลางอีกเส้นหนึ่งเป็นสายดินใยแก้วนำแสง (Optic Fiber)ทำจากแก้วหรือพลาสติกมีลักษณะเป็นเส้นบางๆ คล้าย เส้นใยแก้วจะทำตัวเป็นสื่อในการส่งแสงเลเซอร์ที่มีความเร็วในการส่งสัญญาณเท่ากับความเร็วของแสงข้อดีของใยแก้วนำแสดงคือ</span><br /><span style="font-family:arial;">1. ป้องกันการรบกวนจากสัญญาณไฟฟ้าได้มาก</span><br /><span style="font-family:arial;">2. ส่งข้อมูลได้ระยะไกลโดยไม่ต้องมีตัวขยายสัญญาณ</span><br /><span style="font-family:arial;">3. การดักสัญญาณทำได้ยาก ข้อมูลจึงมีความปลอดภัยมากกว่าสายส่งแบบอื่น</span><br /><span style="font-family:arial;">4. ส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงและสามารถส่งได้มาก ขนาดของสายเล็กและน้ำหนักเบาแบบไม่มีสายเช่น ไม่โครเวฟ และดาวเทียมไมโครเวฟ (Microwave) สัญญาณไม่โครเวฟเป็นคลื่นวิทยุเดินทางเป็นเส้นตรง อุปกรณ์ที่ใช้ในการรับ-ส่งคือจานสัญญาณไม่โครเวฟ ซึ่งมักจะต้องติดตั้งในที่สูงและมักจะให้อยู่ห่างกันประมาณ 25-30 ไมล์ข้อดี ของการส่งสัญญาณด้วยระบบไมโครเวฟ ก็คือ สามารถส่งสัญญาณด้วยความถื่กว้างและการรบกวนจากภายนอกจะน้อยมากจนสัญญาณไม่ดี หรืออาจส่งสัญญาณไม่ได้ การส่งสัญญาณโดยใช้ระบบไมโครเวฟนี้จะใช้ในกรณ๊ที่ไม่สามารถจะติดตั้งสายเคเบิลได้ เช่น อยู่ในเขตป่าเขาดาวเทียม (Setellite)มีลักษณะการส่งสัญญา คล้ายไมโครเวฟ แต่ต่างกันตรงที่ ดาวเทียมจะมีสถานีรับส่งสัญญาณลอยอยู่ในอวกาศจึงไม่มีปัญหาเรื่องส่วนโค้งของผิวโลกก่อนส่งกลับมายังพื้นโลกข้อดี ของการสื่อสารผ่านดาวเทียมคือ ส่งข้อมูลได้มาก และมีความผิดพลาดน้อยส่วนข้อเสีย คือ อาจจะมีความล่าช้าเพราะระยะทางระหว่างโลกกับดาวเทียม หรือถ้าสภาพอากาศไม่ดีก็อาจจะก่อให้เกิดความผิดพลาดได้</span><br /><span style="font-family:arial;"><strong>Basic’s IP Address</strong></span><br /><span style="font-family:arial;">ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทุกคนต้องเกี่ยวข้องกับไอพีแอดเดรส อย่างน้อย พีซีที่ต่ออยู่กับอินเทอร์เน็ตต้องมีการกำหนดไอพีแอดเดรส คำว่าไอพีแอดเดรส จึงหมายถึงเลขหรือรหัสที่บ่งบอก ตำแหน่งของเครื่องที่ต่ออยู่บน อินเทอร์เน็ต ตัวเลขรหัสไอพีแอดเดรสจึงเสมือนเป็นรหัสประจำตัวของเครื่องที่ใช้ ตั้งแต่พีซี ของผู้ใช้จนถึงเซิร์ฟเวอร์ให้บริการอยู่ทั่วโลก ทุกเครื่องต้องมีรหัสไอพีแอดเดรสและต้องไม่ซ้ำกันเลยทั่วโลก ไอพีแอดเดรสที่ใช้กันอยู่นี้เป็น ตัวเลขไบนารีขนาด 32 บิตหรือ 4 ไบต์11101001110001100000001001110100แต่เมื่อต้องการเรียกไอพีแอดเดรสจะเรียกแบบไบนารีคงไม่สะดวก จึงแปลงเลขไบนารี หรือเลขฐานสองแต่ละไบต์ ( 8 บิต ) ให้เป็นตัวเลขฐานสิบโดยมีจุดคั่น11001011100101110010111000010011203 .151 .46 .19เมื่อตัวเลขไอพีแอดเดรสจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับกำหนดให้กับเครื่อง และอินเทอร์เน็ตเติบโตรวดเร็วมาก เป็นผลทำให้ไอพีแอดเดรสเริ่มหายากขึ้นการกำหนดไอพีแอดเดรสเน้นให้องค์กรจดทะเบียนเพื่อขอไอพีแอดเดรสและมีการแบ่งไอพีแอดเดรส ออกเป็นกลุ่มสำหรับองค์กรเรียกว่า คลาส โดยแบ่งเป็น คลาส A คลาส B คลาส Cคลาส A กำหนดตัวเลขในฟิลด์แรกเพียงฟิลด์เดียว ที่เหลืออีกสามฟิลด์ให้องค์กรเป็นผู้กำหนดดังนั้นจึงมีไอพีแอดเดรสในองค์กรเท่ากับ 256 x 256 x 256คลาส B กำหนดตัวเลขให้ สองฟิลด์ ที่เหลืออีกสองฟิลด์ให้องค์กรเป็นผู้กำหนดดังนั้นองค์กรจึงมีไอพีแอดเดรส ที่กำหนดได้ถึง 256 x 256 = 65536 แอดเดรสคลาส C กำหนดตัวเลขให้สามฟิลด์ที่เหลือให้องค์กรกำหนดได้เพียงฟิลด์เดียว คือมีไอพีแอดเดรส 256เมื่อพิจารณาตัวเลขไอพีแอดเดรสหากไอพีแอดเดรสใดมีตัวเลขขึ้นต้น 1-126 ก็จะเป็นคลาส Aดังนั้นคลาส A จึงมีได้เพียง 126 องค์กรเท่านั้น หากขึ้นต้นด้วย 128-191 ก็จะเป็นคลาส B เช่น ไอพีแอดเดรสของกรมราชทัณฑ์ขึ้นต้นด้วย 158 จึงอยู่ในคลาส B และหากขึ้นต้นด้วย 192-223 ก็เป็นคลาส Cลักษณะการใช้ไอพีแอดเดรสในองค์กรจึงมีวิธีการจัดสรรและกำหนดเพื่อให้ใช้งาน แต่เนื่องจากหลายหน่วยงานติดขัดด้วยจำนวนหมายเลขที่ได้รับเช่นองค์กรขนาดใหญ่ แต่ได้รับคลาส C จึงย่อมสร้างความยุ่งยากในการสร้างเครือข่ายสำหรับกรมราชทัณฑ์ที่มีไอพีคลาสซี จึงได้แบ่งและจัดสรรไอพีแอดเดรสให้กับหน่วยงานต่างๆได้อย่างพอเพียงไอพีแอดเดรสแต่ละกลุ่มที่ได้รับการจัดสรรจะได้รับการควบคุทำนองเดียวกัน หน่วยงานย่อยรับแอดเดรสไปเป็นกลุ่มก็สามารถนำไอพีแอดเดรส ที่ได้รับไปจัดสรรแบ่งกลุ่มด้วยอุปกรณ์เราเตอร์หรือ สวิตชิ่งได้ การกำหนดแอดเดรสจะต้องอยู่ภายในกลุ่มของตนเท่านั้นมิฉะนั้นอุปกรณ์เราเตอร์จะไม่ สามารถทำงานรับส่งข้อมูลได้การกำหนดเส้นทางโดยอุปกรณ์จำพวก เราเตอร์ และสวิตชิ่งไอพีแอดเดรสจึงเป็นรหัสหลักที่จำเป็นในการสร้างเครือข่าย เครือข่ายทุกเครือข่ายจะต้องมีการกำหนดแอดเดรสสำนักบริการคอมพิวเตอร์ได้จัดสรรกลุ่มไอพีไว้ให้หน่วยงานต่างๆอย่างพอเพียงโดยที่แอดเดรสทุกแอดเดรสที่ใช้ใน กลุ่ม เช่น การเซตให้กับพีซีแต่ละเครื่องต้องไม่ซ้ำกัน รหัสไอพีแอดเดรสจึงเป็นโครงสร้างพื้นฐานอย่างหนึ่งที่มีค่าสำหรับองค์กรหากองค์กร เรามีไอพีแอดเดรสไม่พอ หรือขาดแคลนไอพีแอดเดรสจะทำอย่างไร เช่นมหาวิทยาลัย ก. เป็นมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่แต่ได้คลาส C ซึ่งมีเพียง 256 แอดเดรสแต่มีผู้ที่จะใช้ไอพีแอดเดรสเป็นจำนวนมากสิ่งที่จะต้องทำคือ มหาวิทยาลัย ก. ยอมให้ภายนอกมองเห็นไอพีแอดเดรสจริงตามคลาส Cนั้น ส่วนภายในมีการกำหนดไอพีแอดเดรสเองโดยที่ไอพีแอดเดรสที่กำหนดจะต้องไม่ปล่อยออกภายนอก เพราะจะซ้ำผู้อื่นผู้ดูแลเครือข่ายต้องตั้งเซิร์ฟเวอร์หนึ่งเครื่องเป็นตัวแปลงระหว่างแอดเดรสท้องถิ่น กับแอดเดรสจริงที่จะติดต่อภายนอก วิธีการนี้เรียกว่า NAT = Network Address Translatorซึ่งแน่นอนก็ต้องสร้างความยุ่งยากเพิ่มเติม และทุกแพกเก็ต IP จะมีการแปลงแอดเดรสทุกครั้ง ทั้งขาเข้าและขาออก จึงทำให้ประสิทธิภาพการติดต่อย่อมลดลง ซึ่งแตกต่างกับการใช้ไอพีแอดเดรสจริงรูปแบบของไอพีแอดเดรส</span><br /><span style="font-family:arial;">- มีขนาด 32 บิต- ประกอบด้วยเลข 2 ส่วน </span><br /><span style="font-family:arial;">- เลขเครือข่าย (network number)</span><br /><span style="font-family:arial;">- เลขโฮสต์ (host number)</span><br /><span style="font-family:arial;">- รูปแบบการเขียน “dotted decimal”</span><br /><span style="font-family:arial;">- แบ่งเป็น 4 ไบต์- คั่นแต่ละไบต์ด้วยจุด (dot)ความสำคัญของเลขเครือข่ายและโฮสต์</span><br /><span style="font-family:arial;">- เราเตอร์ (Router)</span><br /><span style="font-family:arial;">- ใช้เลขเครือข่ายเลือกเส้นทางส่ง packet</span><br /><span style="font-family:arial;">- โฮสต์ที่มี netid ชุดเดียวกัน</span><br /><span style="font-family:arial;">- จะอยู่เครือข่ายเดียวกัน</span><br /><span style="font-family:arial;">- สื่อสารกันได้โดยใช้เฟรม data-link</span><br /><span style="font-family:arial;">- ไม่ต้องใช้เราเตอร์- โฮสต์ที่มี netid ต่างกัน</span><br /><span style="font-family:arial;">- จะอยู่ต่างเครือข่าย</span><br /><span style="font-family:arial;">- เราเตอร์จะส่ง packet ข้ามเครือข่าย</span><br /><span style="font-family:arial;">การจัดคลาสเครือข่าย</span><br /><span style="font-family:arial;">Class A 0 network host host host</span><br /><span style="font-family:arial;">Class B 10 network network host host</span><br /><span style="font-family:arial;">Class C 110 network network network host</span><br /><span style="font-family:arial;">Class A = 0 – 126</span><br /><span style="font-family:arial;">Class B = 128 – 191</span><br /><span style="font-family:arial;">Class C = 192 -223</span><br /><span style="font-family:arial;">Class D = 224 – 239</span><br /><span style="font-family:arial;">Class E = 240 – 255127</span><br /><span style="font-family:arial;"> เป็น IP แบบพิเศษการหาจำนวน netid และ hostid- ใช้สูตร 2n- n = จำนวนบิต- network และ host ที่สงวนไว้- network ที่มีบิตเป็น “0” และ “1” ทั้งหม- host ที่มีบิตเป็น “0” และ “1” ทั้งหมด Class Aจำนวน network = 7 บิต- จำนวนเครือข่ายทั้งหมด = 27 = 128 เครือข่าย- จำนวนเครือข่ายที่ใช้งานได้ = 27-2 = 128 – 2= 126 เครือข่าย- จำนวนโฮสต์ในแต่ละเครือข่าย= 24 บิต- จำนวนโฮสต์ทั้งหมด = 224 = 16,777,216 โฮสต์- จำนวนโฮสต์ที่ใช้งานได้ = 224-2 = 16,777,216 – 2= 16,777,214 โฮสต์Class B- จำนวน network = 14 บิต- จำนวนเครือข่ายทั้งหมด = 214 = 16,384 เครือข่าย- จำนวนเครือข่ายที่ใช้งานได้ = 214-2 = 16,384 – 2= 16,382 เครือข่าย- จำนวนโฮสต์ในแต่ละเครือข่าย= 16 บิต- จำนวนโฮสต์ทั้งหมด = 216 = 65,536 โฮสต์- จำนวนโฮสต์ที่ใช้งานได้ = 224-2 = 65,536 – 2= 65,534 โฮสต์Class C- จำนวน network = 21 บิต- จำนวนเครือข่ายทั้งหมด = 221 = 2,097,152 เครือข่าย- จำนวนเครือข่ายที่ใช้งานได้ = 221-2 = 2,097,152 – 2= 2,097,150 เครือข่าย- จำนวนโฮสต์ในแต่ละเครือข่าย= 8 บิต- จำนวนโฮสต์ทั้งหมด = 28 = 256 โฮสต์- จำนวนโฮสต์ที่ใช้งานได้ = 28-2 = 256 – 2= 254 โฮสต์Default subnet maskClass Netmask Binary netmask ขนาดA 255.0.0.0 11111111.00000000.00000000.00000000 8 บิตB 255.255.0.0 11111111.11111111.00000000.00000000 16 บิตC 255.255.255.0 11111111.11111111.11111111.00000000 24 บิต</span><br /><span style="font-family:arial;">ตัวอย่าง</span><br /><span style="font-family:arial;">- IP address 64.7.1.50 จะมี default netmask 255.0.0.0</span><br /><span style="font-family:arial;">- IP address 158.200.100.45 จะมี default netmask 255.255.0.0</span><br /><span style="font-family:arial;">- IP address 192.168.1.1 จะมี default netmask 255.255.255.0ประเภทของ Subnet Mask</span><br /><span style="font-family:arial;">- Fixed Length Subnet Mask</span><br /><span style="font-family:arial;">- ใช้ค่า subnet mask เดียวกันตลอดทั้งเครือข่าย</span><br /><span style="font-family:arial;">- แต่ละ subnet จะมีจำนวนโฮสต์เท่าๆ กัน</span><br /><span style="font-family:arial;">- Variable Length Subnet Mask</span><br /><span style="font-family:arial;">-ใช้ค่า subnet mask ต่างกันในแต่เครือข่าย</span><br /><span style="font-family:arial;">- แต่ละ subnet จะมีจำนวนโฮสต์ไม่เท่ากันการแบ่งเครือข่ายย่อย (subnet mask)</span><br /><span style="font-family:arial;">- เป็นเลขขนาด 32 บิต</span><br /><span style="font-family:arial;">- บิตที่ตรงเลขเครือข่าย (netid) มีค่าเท่ากับ “1”</span><br /><span style="font-family:arial;">- บิตที่ตรงเลขโฮสต์ (hostid) มีค่าเท่ากับ “0”การเลือกเส้นทางใน subnet mask</span><br /><span style="font-family:arial;">- ตรวจสอบว่าเป็น IP ที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกันหรือไม่</span><br /><span style="font-family:arial;">- ใช้เทคนิคการ “AND” บิต ระหว่าง IP กับ subnet mask</span><br /><span style="font-family:arial;">- ถ้า subnet address มีค่าเท่ากัน</span><br /><span style="font-family:arial;">- อยู่ในเครือข่ายเดียวกัน</span><br /><span style="font-family:arial;">- ส่ง packet โดยใช้ ethernet adddress</span><br /><span style="font-family:arial;">- ถ้า subnet address มีค่าต่างกัน- อยู่ต่างเครือข่าย</span><br /><span style="font-family:arial;">- ส่ง packet ไปให้ router เพื่อส่งข้อมูลต่อไป</span><br /><span style="font-family:arial;">แปลง IP เป็น binary</span><br /><span style="font-family:arial;">-209.123.226.168</span><br /><span style="font-family:arial;">=11010001.01110001.11100001.10101000</span><br /><span style="font-family:Arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;"> -198.60.70.81</span><br /><span style="font-family:arial;">=11000110.00111000.01000110.01010001</span><br /><span style="font-family:arial;">CIDR </span><br /><span style="font-family:arial;">-บอกหมายเลข Subnet Mask</span><br /><span style="font-family:arial;">-บอกจำนวน Host CIDR ที่ให้คือ</span><br /><span style="font-family:arial;">/22</span><br /><span style="font-family:arial;">11111111.11111111.11111100.00000000</span><br /><span style="font-family:arial;">= (255+255+252+0)</span><br /><span style="font-family:arial;">Subnet Mask = (255.255.252.0)</span><br /><span style="font-family:arial;">Host 2^10 = 1024 – 2 = 1022</span><br /><span style="font-family:arial;">-------------------------------------------------</span><br /><span style="font-family:arial;">/18</span><br /><span style="font-family:arial;">11111111.11111111.11000000.00000000</span><br /><span style="font-family:arial;">= (255+255+192+0)</span><br /><span style="font-family:arial;">Subnet Mask =( 255.255.192.0)</span><br /><span style="font-family:arial;">Host = 2^14 = 16384 – 2 = 16382</span><br /><span style="font-family:arial;">-------------------------------------------------</span><br /><span style="font-family:arial;">/27</span><br /><span style="font-family:arial;">11111111.11111111.11111111.11100000</span><br /><span style="font-family:arial;">= (255.255.255.224)</span><br /><span style="font-family:arial;">Subnet Mask = (255.255.255.224)</span><br /><span style="font-family:arial;">Host = 2^5 = 32- 2 = 30</span><br /><span style="font-family:arial;">-------------------------------------------------</span><br /><span style="font-family:arial;"><strong>ออกข้อสอบเรื่อง IP Address 5ข้อ</strong></span><br /><span style="font-family:arial;">1.ไอพีแอดเดรสที่ใช้กันส่วนมากมีทั้งหมดกี่บิต</span><br /><span style="font-family:arial;">ก.ขนาด4 บิต </span><br /><span style="font-family:arial;">ข.ขนาด 8บิต</span><br /><span style="font-family:arial;">ค.ขนาด16บิต</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">ง.ขนาด32บิต</span><br /><span style="font-family:Arial;color:#ff0000;"></span><br /><span style="font-family:arial;">2.รูปแบบของไอพีแอดเดรสเป็นไปในลักษณะใด</span><br /><span style="font-family:arial;">ก.มีขนาดช่องทางที่ใหญ่</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">ข. มีขนาด 32 บิต, ประกอบด้วยเลข 2 ส่วน</span><br /><span style="font-family:arial;">ค. มีตำเลขจำนวนมาก</span><br /><span style="font-family:arial;">ง.มี16บิต</span><br /><span style="font-family:Arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">3.ข้อใดคือเส้นทางใน subnet mask</span><br /><span style="font-family:arial;">ก.ส่ง packet โดยใช้ ethernet address</span><br /><span style="font-family:arial;">ข. อยู่ในเครือข่ายเดียวกัน</span><br /><span style="font-family:arial;">ค.ถ้า subnet address มีค่าเท่ากัน</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">ง.ไม่มีข้อถูก</span><br /><span style="font-family:Arial;color:#ff0000;"></span><br /><span style="font-family:arial;">4.ข้อใดเป็นการแบ่งเครือข่ายย่อย (subnet mask)</span><br /><span style="font-family:arial;">ก. เป็นเลขขนาด 32 บิต</span><br /><span style="font-family:arial;">ข.บิตที่ตรงเลขเครือข่าย (netid) มีค่าเท่ากับ “1”</span><br /><span style="font-family:arial;">ค. บิตที่ตรงเลขโฮสต์ (hostid) มีค่าเท่ากับ “0”</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">ง.ถูกทุกข้อ</span><br /><span style="font-family:Arial;color:#ff0000;"></span><br /><span style="font-family:arial;">5.ข้อใดคือความสำคัญของเลขเครือข่ายและโฮสต์</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">ก. สื่อสารกันได้โดยใช้เฟรม data-link</span><br /><span style="font-family:arial;">ข.รวดเร็ว</span><br /><span style="font-family:arial;">ค.มีช่องทางกว้าง</span><br /><span style="font-family:arial;">ง.มีจำนวนบิตมาก</span><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;"><strong>ออกข้อสอบเรื่อง CIDR 5 ข้อ</strong></span><br /><span style="font-family:arial;">1.ข้อใดคือส่วนประกอบพื้นฐานของการสื่อสารข้อมูล </span><br /><span style="font-family:arial;">ก. ตัวส่งข้อมูล</span><br /><span style="font-family:arial;">ข. ช่องทางการส่งสัญญาณ</span><br /><span style="font-family:arial;">ค. ตัวรับข้อมูล</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">ง.ถูกทุกข้อ</span><br /><span style="font-family:Arial;color:#ff0000;"></span><br /><span style="font-family:arial;">2.มาตรฐานกลางที่ใช้ในการส่งข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่าย คือข้อใด</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">ก. มาตรฐาน OSI (Open Systems Interconnection Model)ซึ่งทำให้ทั้งคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เชื่อมต่อต่างๆ สามารถเชื่อมโยงและใช้งานใน</span><br /><span style="font-family:arial;">ข.ข้อมูลต่างๆ</span><br /><span style="font-family:arial;">ค.คอมพิวเตอร์</span><br /><span style="font-family:arial;">ง.ไม่มีข้อถูก</span><br /><span style="font-family:Arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">3.รูปแบบของการส่งสัญญาข้อมูลมีกี่รูปแบบ</span><br /><span style="font-family:arial;">ก.2.รูปแบบ</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">ข.3.รูปแบบ</span><br /><span style="font-family:arial;">ค4.รูปแบบ</span><br /><span style="font-family:arial;">ง.5.รูปแบบ</span><br /><span style="font-family:Arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">4.ข้อดีของใยแก้วนำแสดงคือข้อใด</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">ก. ป้องกันการรบกวนจากสัญญาณไฟฟ้าได้มาก</span><br /><span style="font-family:arial;">ข. ส่งข้อมูลได้ระยะไกลโดยไม่ต้องมีตัวขยายสัญญาณ</span><br /><span style="font-family:arial;">ค. การดักสัญญาณทำได้ยาก ข้อมูลจึงมีความปลอดภัยมากกว่าสายส่งแบบอื่น</span><br /><span style="font-family:arial;">ง.ถูกทุกข้อ</span><br /><span style="font-family:Arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">5.ข้อดี ของการสื่อสารผ่านดาวเทียมคือ</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">ก.ส่งข้อมูลได้มาก และมีความผิดพลาดน้อย</span><br /><span style="font-family:arial;">ข. อาจจะมีความล่าช้าเพราะระยะทางระหว่างโลกกับดาวเทียม</span><br /><span style="font-family:arial;">ค.ถ้าสภาพอากาศไม่ดีก็อาจจะก่อให้เกิดความผิดพลาดได้</span><br /><span style="font-family:arial;">ง.ไม่มีข้อถูก</span><br /><span style="font-family:Arial;">------------------------------------------------------------------------------</span><br /><span style="font-family:arial;"></span>torreshttp://www.blogger.com/profile/11711378243627183616noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7536008324853657428.post-83029438717462300592008-06-10T21:22:00.000-07:002008-06-10T21:35:34.325-07:00เรียนวันที่ 11 มิถุนายน 2551<span style="font-family:arial;">11111111 . 11111111 . 11110000 . 00000000</span><br /><span style="font-family:Arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">-/20(128+64+32+16=240)</span><br /><br /><span style="font-family:arial;">Subnet Mask= 255.255.240.0</span><br /><span style="font-family:Arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">Host?? 2^12=4096-2=4094 Host</span>torreshttp://www.blogger.com/profile/11711378243627183616noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7536008324853657428.post-3972792991880406112008-06-10T21:04:00.000-07:002008-06-10T21:14:52.944-07:00การแปลงClass ID เป็น Binary<span style="font-family:arial;">202.29.57.2</span><br /><span style="font-family:arial;">11011010 , 00011011 , 00111000 , 0000010</span><br /><span style="font-family:arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">อยู่ใน Class : C</span>torreshttp://www.blogger.com/profile/11711378243627183616noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7536008324853657428.post-56392199291969909262008-06-10T19:57:00.000-07:002008-06-10T19:58:21.654-07:00ชื่อเพื่อนFrom:kimsath sath (kimsathsath@yahoo.com)<a href="http://kimsath.blogspot.com/" target="_blank">http://kimsath.blogspot.com/</a>^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^From:Gus m (guszaa_m@hotmail.com)<a href="http://guszaa.blogspot.com/" target="_blank">http://guszaa.blogspot.com/</a>^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^From:นายจำนงค์ ศรีมาศ (srimas2007@hotmail.com)<a href="http://jumnong.blogspot.com/" target="_blank">http://jumnong.blogspot.com/</a>^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^From:ชยาพงษ์ วังตะเคน (mo.04@hotmail.com)<a href="http://thekop-momo.blogspot.com/">http://thekop-momo.blogspot.com</a>^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^From:sulak Phonboon (sulak_laky@hotmail.com)<a href="http://sulak-noy.blogspot.com/" target="_blank">http://sulak-noy.blogspot.com/</a>^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^From:khamsan khampang (khampang3@hotmail.com)<a href="http://khampang.blogspot.com/" target="_blank">http://khampang.blogspot.com/</a>^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^From:ชาตรี แก้วมณี (<a href="mailto:chatree_05@thaimail.com">chatree_05@thaimail.com</a>)<a href="http://chatree-ton.blogspot.com/" target="_blank">http://chatree-ton.blogspot.com/</a>^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^From:มยุลี เสมศรี (mayulee8787@hotmail.com)<a href="http://mayulee8787.blogspot.com/" target="_blank">http://mayulee8787.blogspot.com/</a>^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^From:นางสาว จันทร์ กฤษวี (janjun1@hotmail.com)<a href="http://janjun.blogspot.com/" target="_blank">http://janjun.blogspot.com/</a>^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^From:นางสาวประภาศิริ สุทธิหนู(nemo_yung@hotmail.com)<a href="http://lylulnlgl.blogspot.com/" target="_blank">http://lylulnlgl.blogspot.com/</a>^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^From:sam an leakmuny (leakmuny@yahoo.com)<a href="http://leakmuny-sam.blogspot.com/" target="_blank">http://leakmuny-sam.blogspot.com/</a>^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^From:ณัชพร ไชยมูล (clash_oud@hotmail.com)http://<a href="http://khukhan-bantim.blogspot.com/" target="_blank">khukhan-bantim.blogspot.com/</a>^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^From:วาฤดี สัมนา (waruedee_49@hotmail.com)<a href="http://waruedee.blogspot.com/" target="_blank">http://waruedee.blogspot.com/</a>^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^From:warawood wisetmuen (nicnicnic_02@hotmail.com)<a href="http://warawood.blogspot.com/" target="_blank">http://warawood.blogspot.com/</a>^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^From:r y (overnarn@hotmail.com)<a href="http://tcomtoo.blogspot.com/" target="_blank">http://tcomtoo.blogspot.com/</a>^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^From:สุพรรษา ท่วาที (supansa_56@hotmail.com)<a href="http://puy-supansa.blogspot.com/" target="_blank">http://puy-supansa.blogspot.com/</a>^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^From:อรอุมา พละศักดิ์ (tep_ratree@hotmail.com)<a href="http://tepratree.blogspot.com/" target="_blank">http://tepratree.blogspot.com/</a>^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^From:สายรุ่ง พงษ์วัน (sayrung_@hotmail.com)<a href="http://koraikoo.blogspot.com/" target="_blank">http://koraikoo.blogspot.com/</a>^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^From:ศิริกัญญา ศิริญาณ (tumkatong@gmail.com)<a href="http://tumkatong.blogspot.com/" target="_blank">http://tumkatong.blogspot.com/</a>^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^From:พรพรรณ สังขาว (aaa.37@hotmail.com)<a href="http://oake-pornpan.blogspot.com/" target="_blank">http://oake-pornpan.blogspot.com/</a>^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^From:นายเทิดศักดิ์ บุญรินทร์ (ton_therdsak783@hotmail.com)<a href="http://tonstaff.blogspot.com/" target="_blank">http://tonstaff.blogspot.com/</a>^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^From:นิพนธ์ ทรัพย์ประเสริฐ (nipoon_karn@hotmail.com)<a href="http://karnline.blogspot.com/" target="_blank">http://karnline.blogspot.com/</a>^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^From:ทัสนีย์ ประสาร (<a href="mailto:tatsanee_1234@thaimail.com">tatsanee_1234@thaimail.com</a>)<a href="http://ningza-tatsanee.blogspot.com/" target="_blank">http://ningza-tatsanee.blogspot.com/</a> ^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^From:wasan dujda (nong2445572@hotmail.com)<a href="http://newcastle-wasan.blogspot.com/" target="_blank">http://newcastle-wasan.blogspot.com/</a>^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^From:นิพนธ์ ทรัพย์ประเสริฐ์ (kan-49@hotmail.com)http://<a href="http://teerapon123.blogspot.com/" target="_blank">teerapon123.blogspot.com/</a>^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^From:sophang sophaly (phangsophaly@hotmail.com)<a href="http://sophaly-phang.blogspot.com/" target="_blank">http://sophaly-phang.blogspot.com/</a>torreshttp://www.blogger.com/profile/11711378243627183616noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7536008324853657428.post-78741430144197362032008-06-10T19:04:00.000-07:002008-06-10T19:33:07.923-07:00<span style="font-family:arial;font-size:85%;">1.OSI Model ได้แบ่ง ตามลักษณะของออกเป็นกี่กลุ่มใหญ่ๆ<br />ก. 1กลุ่ม<br /><span style="color:#ff0000;">ข. 2กลุ่ม</span><br />ค. 3กลุ่ม<br />ง. 4กลุ่ม</span><br /><span style="font-family:Arial;font-size:85%;"></span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;"></span><br /><span style="font-family:arial;"><span style="font-size:85%;">2. Layer7, Application Layer ทำหน้าที่อะไร<br />ก.ติดต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วแปลคำสั่งให้กับผู้ใช้ที่กำลังใช้งานอยู่<br />ข.กำหนดรูปแบบการสื่อสาร<br />ค.ติดต่อกับ Application<br /><span style="color:#ff0000;">ง.ทำหน้าที่ติดต่อกับผู้ใช้ โดยจะรับคำสั่งต่างๆจากผู้ใช้ส่งให้คอมพิวเตอร์แปล</span><span style="color:#ff0000;">ความหมาย</span></span></span><br /><span style="font-family:Arial;font-size:85%;color:#ff0000;"></span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;"></span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">3. Layer5, Session Layer มีหน้าที่ควบคุมการสื่อสารจากต้นทางไปยังปลายทางในรูปแบบใด<br /></span><span style="font-family:arial;"><span style="font-size:85%;"><span style="color:#ff0000;">ก. End to End<br /></span>ข. In the End<br />ค. In to End</span></span><br /><span style="font-family:arial;"><span style="font-size:85%;">ง. End the End</span></span><br /><span style="font-family:Arial;font-size:85%;"></span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;"></span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">4. Layer2, Data Link Layer มีหน้าที่อย่างไร<br />ก.ติดต่อกับ Application<br />ข.ทำหน้าที่ติดต่อกับผู้ใช้ โดยจะรับคำสั่งต่างๆจากผู้ใช้ส่งให้คอมพิวเตอร์แปลความหมาย<br /></span><span style="font-family:arial;"><span style="font-size:85%;"><span style="color:#ff0000;">ค.รับผิดชอบในการส่งข้อมูลบน network แต่ละประเภทเช่น Ethernet,Token ring,FDDI, หรือบน WAN ต่างๆ<br /></span>ง.มีหน้าที่หลักในการส่ง packet จากเครื่องต้นทางให้ไปถีงปลายทางด้วยความพยายามที่ดีที่สุด</span></span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;"></span><br /><span style="font-family:Arial;font-size:85%;"></span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">5. หน่วยของ Layer1, Physical Layer เรียกว่าอะไร<br /><span style="color:#ff0000;">ก. bits</span><br />ข. Frame<br />ค. packet<br />ง. Segment</span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;"></span><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;">แหล่งที่มาของข้อมูล : </span><a href="http://www.udonoa.com/www-tam/Knowledge/OSImodel.html"><span style="font-family:arial;font-size:85%;">http://www.udonoa.com/www-tam/Knowledge/OSImodel.html</span></a><br /><span style="font-family:arial;font-size:85%;"></span>torreshttp://www.blogger.com/profile/11711378243627183616noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7536008324853657428.post-69004482669033098032008-06-03T20:54:00.000-07:002008-06-03T21:14:59.893-07:00คำถามรหัสแอสกี้<span style="font-family:arial;">1. ตัว J ในรหัสแอสกี้คือตัวเลขอะไร</span><br /><span style="font-family:arial;">ก. 39 <span style="color:#ff0000;"> ข.4A</span> ค.4B ง.4C</span><br /><span style="font-family:Arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">2. แอสกี้เป็นรหัสที่พัฒนามาจากสถาบันใด</span><br /><span style="font-family:arial;"><span style="color:#ff0000;">ก.สถาบันมาตรฐานแห่งชาติสหรัฐอเมริกา</span> </span><br /><span style="font-family:arial;">ข.สถาบันมาตรฐานแห่งชาตินิวซีแลนด์</span><br /><span style="font-family:arial;">ค.สถาบันมาตรฐานแห่งชาติผรั่งเศส</span><br /><span style="font-family:arial;">ง.สถาบันมาตรฐานแห่งชาติออสเตรีย</span><br /><span style="font-family:Arial;"></span><br /><span style="font-family:arial;">3.บิดาแห่งรหัสแอสกี้คือใคร</span><br /><span style="font-family:arial;">ก.เฟอร์กูสัน</span><br /><span style="font-family:arial;">ข.เบนิเตส</span><br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">ค.เบเมอร์</span><br /><span style="font-family:arial;">ง.มูเวลล์</span>torreshttp://www.blogger.com/profile/11711378243627183616noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7536008324853657428.post-2482121836157844762008-06-03T19:24:00.000-07:002008-06-03T20:27:20.303-07:00แนะนำตัวเอง<span style="font-family:arial;">นายชยาพงษ์ วังตะเคน </span><br /><span style="font-family:arial;">ชื่อเล่น โม</span><br /><span style="font-family:Arial;">โปรแกรมวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ปี 3 ห้อง 1</span><br /><span style="font-family:Arial;">รหัส 4912252104</span><br /><span style="font-family:Arial;">เบอร์โทร 087 - 6509097</span><br /><span style="font-family:Arial;"></span><br /><span style="font-family:Arial;"></span><br /><span style="font-family:Arial;">งาน</span><br /><span style="font-family:Arial;"></span><br /><span style="font-family:Arial;">CHAYAPONG</span><br /><span style="font-family:Arial;">43,48,41,59,41,50,4F,4E,47</span><br /><span style="font-family:Arial;">0100 0011,0100 1000,0100 0001,01011001,0100 0001,0101 0000,0100 1111,0100 1110,</span><br /><span style="font-family:Arial;">0100 0111</span><br /><span style="font-family:Arial;"></span><br /><span style="font-family:Arial;">WANGTAKHEN</span><br /><span style="font-family:Arial;">57,41,4E,47,54,41,4B,48,45,4E</span><br /><span style="font-family:Arial;">0101 0111,0100 0001,0100 1110,0100 0111,0101 0100,0100 0001,0100 1011,0100 1000,</span><br /><span style="font-family:Arial;">0100 0101,0100 1110</span><br /><span style="font-family:Arial;"></span><br /><span style="font-family:Arial;">087-6509097</span><br /><span style="font-family:Arial;">30,38,37,2D,36,35,30,39,30,39,37</span><br /><span style="font-family:Arial;">0011 0000,0011 1000,0011 0111,0010 1101,0011 0110,0011 0101,0011 0000,0011 1001,</span><br /><span style="font-family:Arial;">0011 0000,0011 1001,0011 0111</span><br /><span style="font-family:Arial;"></span><br /><span style="font-family:Arial;"></span>torreshttp://www.blogger.com/profile/11711378243627183616noreply@blogger.com0